การเลี้ยงสุนัขหนึ่งตัวนั้นเต็มไปด้วยองค์ประกอบมากมายที่เจ้าของควรรู้ วันนี้ทาง Yora Thailand จะพาทุกคนมาเข้าคลาส Dog Mom 101 หรือพื้นฐานการเลี้ยงน้องหมา ว่าด้วยเรื่อง ‘5 สิ่งที่แม่หมามือใหม่ควรรู้’ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมคร่าวๆ ว่าหากเราตัดสินใจเลี้ยงสุนัขจริงๆ จะมีข้อห้ามหรือข้อควรกระทำอะไรบ้าง เพื่อให้แฮปปี้กันทั้งน้องหมาและเจ้าของอย่างพวกเราครับ พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!
ข้อที่ 1 : ศึกษาข้อมูลน้องหมาสายพันธุ์นั้นๆ ให้ละเอียด
จริงอยู่ที่ว่าวิธีการเลี้ยงน้องหมาของแต่ละครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อบุคลิกของน้องหมา อย่างไรก็ตามสุนัขแต่ละสายพันธุ์กลับมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น French Bulldog กับ Syberian Husky การที่สองสายพันธุ์นี้มีความแตกต่างด้านขนาดตัว นั่นก็หมายความว่าเจ้าสองตัวต้องการขนาดพื้นที่การเลี้ยง การออกกำลังกาย ปริมาณอาหารที่ต่างกัน รวมไปถึงเลเวลความกระตือรือร้นที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นในการเลือกเลี้ยงสุนัขพันธุ์ต่างๆ เจ้าของควรพิจารณาถึงปัจจัยรอบด้านอย่างถี่ถ้วน เพื่อที่จะได้คำตอบว่า 'น้องหมาสายพันธุ์นี้เหมาะกับเราจริงๆ รึเปล่า' โดยการศึกษาประวัติ นิสัย โรคภัยไข้เจ็บ รวมไปถึงคุณค่าอาหารและโภชนาการที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้เราเข้าใจและดูแลน้องหมาของเราได้ดียิ่งขึ้นครับ
15 สุนัขสายพันธุ์เล็กสุดน่ารัก พร้อมข้อมูลแต่ละสายพันธุ์
15 สุนัขสายพันธุ์ใหญ่น่าเลี้ยง พร้อมข้อมูลแต่ละสายพันธุ์
ข้อที่ 2 : เลือกอาหารที่เหมาะสมกับสายพันธุ์และวัย
ขอบอกเลยว่าการหาอาหารที่ใช่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะครับ เราไม่มีทางรู้เลยว่าน้องหมาของเราจะแพ้ส่วนประกอบในอาหารหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเหมือน Experiment ที่เราต้องทดลองไปเรื่อยๆ และหมั่นสังเกตุอาการของเจ้าตูบว่าขนร่วงเพิ่มขึ้นไหม เกาหรือเลียเท้าบ่อยหรือเปล่า หากเจออาการที่ไม่พึงประสงค์ ก็ต้องปรับเปลี่ยนอาหารจนกว่าจะเจออาหารที่ใช่ดูครับ อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือต้องเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของร่างกายและปริมาณสารอาหารที่ต้องใช้ทำกิจกรรมในแต่ละวัน ดังนี้
ลูกสุนัข (2 - 12 เดือน) : เน้นโปรตีนที่สูงกว่าปกติ เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและเพิ่มภูมิคุ้มกันในระยะเริ่มแรก รวมไปถึงอาหารต้องมีขนาดเล็ก เคี้ยวง่าย ไม่ติดคอ
สุนัขโตเต็มวัย (พันธุ์เล็ก) : มีสัดส่วนโปรตีนจากแมลงและไขมันดีที่สูงกว่า ออกแบบมาเพื่อการเผาผลาญของสุนัขพันธุ์เล็กโดยเฉพาะ มีขนาดเล็กเคี้ยวง่าย
สุนัขโตเต็มวัย (พันธุ์ใหญ่) : มีส่วนผสมของ Glucosamine Chondroitin และ MSM ที่สูง เพื่อบำรุงกระดูกและป้องกันโรคเกี่ยวกับข้อต่อเมื่อสุนัขมีอายุมากขึ้น มีขนาดเม็ดที่ใหญ่กว่าช่วยขัดฟันไปในตัว
สุนัขโตเต็มวัย (ทุกสายพันธุ์) : โภชนาการครบถ้วนเหมาะกับสุนัขทุกสายพันธุ์ มีขนาดเม็ดที่พอเหมาะ ไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป
สุนัขสูงอายุหรือสุนัขลดน้ำหนัก : มีสัดส่วนไขมันที่ต่ำกว่าสูตรอื่นๆ เพิ่ม Lycopene และสมุนไพรต่างๆ เพื่อบำรุงสายตา ต้านอนุมูลอิสระ
ข้อที่ 3 : อาหารต้องห้ามของสุนัข
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า ‘คนกินได้ หมาก็ต้องกินได้’ ขอบอกเลยว่า ‘ไม่จริง’ นะครับ เพราะอาหารมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นอันตรายกับสุนัข และอาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพระยะยาวได้ โดยเฉพาะโรคไตที่สาเหตุหนึ่งมาจากการกินอาหารของมนุษย์ที่มีปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัสสูงมากไป จนเกิดการสะสม และตามมาด้วยการเจ็บป่วยในที่สุด นอกจากนี้ก็ยังมีลิสต์อาหารต้องห้ามของสุนัขอีกหลายชนิดที่เจ้าของต้องรู้ก่อนจะสายไป โดยวันนี้ทาง Yora เลือกตัวอย่างอาหารที่เป็นพิษกับน้องหมามาคร่าวๆ ดังนี้ครับ
ช็อกโกแลต : มีสาร methylxanthines อาจทำให้เกิดอาการหัวใจวาย
หัวหอมและกระเทียม : เพราะเป็นพืชจำพวก Allium ทำให้เกิดอาการโลหิตจางได้
ถั่วแมคคาเดเมีย : เกิดอาการอ้วก ตัวร้อน ไม่มีแรง รวมไปถึงอาการทางประสาท
อะโวคาโด : สาร Persin ในอะโวคาโดจะทำให้น้องหมาอ้วกและท้องเสียจนหมดแรง
แอลกอฮอร์ : อาจทำให้ท้องเสีย อ้วก และทำลายระบบประสาท
นอกจาก 5 ตัวอย่างข้างต้น ยังมีอาหารต้องห้ามของน้องหมาอีกหลายชนิดเลยครับ ทางที่ดีก่อนจะให้ทานอะไร เจ้าของควรเช็กเพื่อความชัวร์ก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยของน้องหมาที่เรารักครับ
ข้อที่ 4 : พาไปหาคุณหมอห้ามขาด
การได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน คือเกราะป้องกันชั้นดีที่จะทำให้เจ้าตูบอยู่กับเราได้นานแสนนาน โดยเจ้าของควรเริ่มต้นพาน้องหมาไปพบคุณหมอทันทีที่รับเค้ามาเพื่อตรวจสุขภาพเบื้องต้นและถ่ายพยาธิ รวมถึงนัดทำวัคซีนให้ถูกต้องตามระยะเวลาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว น้องหมาจะต้องเจอคุณหมอบ่อยหน่อยในช่วง 1 ปีแรก เรียกได้ว่าแทบจะทุกสองเดือนเลยล่ะครับ โดยช่วงนี้ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่ขยันหน่อยเพื่อภูมิคุ้มกันที่ดีของน้องหมาในระยะยาว แต่หลังจาก 1 ปีขึ้นไปก็จะทิ้งระยะห่างเป็น 6 - 12 เดือนตามที่สัตวแพทย์กำหนด
นอกเหนือจากการไปพบหมอตามนัด เจ้าของควรคอยสังเกตุอาการผิดปกติของสุนัขอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการทานอาหารได้น้อยลง ขนร่วง อึเหลว หรืออาการเซื่องซึม เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตูบกำลังไม่สบายอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็ รีบพาไปพบหมอด่วนเลยครับ
ข้อที่ 5 : เลี้ยงน้องหมาให้เหมือนเลี้ยงลูก
สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณแม่มือใหม่ทุกคนต้องมี คือ ‘ความใส่ใจ’ และ ‘เวลา’ ที่เราจะมีให้ลูกๆ สี่ขาของเรา ในความเป็นจริงแล้วน้องหมาก็มีความรู้สึกครับ แต่ติดตรงที่เค้าพูดไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราควรจะแบ่งเวลาให้เค้า วิ่งเล่น กอดรัดฟัดเหวี่ยง และหมั่นบอกรักเค้าบ่อยๆ เพื่อให้เค้ารู้ว่าเราเอ็นดูเค้ามากแค่ไหน การละเลยปล่อยให้สุนัขอยู่บ้านตัวเดียวเป็นเวลานานๆ และไม่ใส่ใจให้เวลากับเค้า อาจทำให้เจ้าตูบเกิดอาหารเครียดสะสม จนพัฒนากลายเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว เห่าเยอะ และไม่ไว้ใจเจ้าของในที่สุด
ทาง Yora Thailand หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณแม่หมามือใหม่เตรียมพร้อมได้มากขึ้นนะครับ
ในความเป็นจริงมีอีกหลายอย่างเลยล่ะครับที่คุณพ่อคุณแม่(หมา)ควรรู้ เพื่อที่จะดูแลเจ้าตูบให้สุขภาพดีแข็งแรงทั้งจากภายในและภายนอก แต่เหนือสิ่งอื่นคือความรัก การดูแลเอาใจใส่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งเดียวที่น้องหมาต้องการจากเรา วันนี้ใครอ่านบทความนี้จบแล้ว
ก็อย่าลืมไปกอดน้องหมาของตัวเองกันด้วยนะครับ
Source :
Comments