10 เทคนิคการฝึกหมาขั้นพื้นฐาน ที่เจ้ามือใหม่ของสอนได้ง่าย ๆ
- YORA Expert
- Jul 25
- 4 min read
Updated: Sep 1

สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงน้องหมา รับน้องมาใหม่ๆ คำถามแรก ๆ ที่มักจะผุดขึ้นมาในหัวก็คือ จะเริ่มฝึกหมายังไงดี ให้น้องหมาเชื่อฟัง ไม่ดื้อ และอยู่กับเราได้อย่างราบรื่น ซึ่งจริง ๆ แล้วการฝึกหมาไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ขอแค่มีความเข้าใจ ความอดทน และฝึกอย่างสม่ำเสมอ ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต้นได้จากที่บ้านเลย
วันนี้ Yora Thailand จะพาไปทำความรู้จักกับ 10 เทคนิคฝึกหมาขั้นพื้นฐาน ที่เหมาะกับมือใหม่สุด ๆ ทำตามได้ง่าย แถมยังช่วยให้น้องหมาเข้าใจเราได้มากขึ้น พร้อมเทคนิคการสื่อสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้การฝึกเป็นเรื่องสนุกและเห็นผลจริง!
ทำไมการฝึกหมาถึงสำคัญ?
ก่อนจะเริ่มต้นฝึกน้องหมา เราลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมถึงต้องฝึก? หลายคนอาจคิดว่าปล่อยให้หมาโตไปตามธรรมชาติก็พอแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว การฝึกคือกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้การเลี้ยงน้องหมาเป็นเรื่องที่ง่ายและราบรื่นขึ้นมาก
การฝึกหมาไม่ได้แค่ช่วยให้เค้าา เชื่อฟัง เราเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์มากมาย เช่น
ช่วยให้น้องหมารู้จักกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันในบ้าน เช่น ห้ามกระโดดขึ้นโซฟา ห้ามกัดรองเท้า หรือขับถ่ายให้เป็นที่
ลดพฤติกรรมก้าวร้าวหรือทำลายของ โดยเฉพาะในหมาวัยเด็กที่พลังเยอะและมีความอยากรู้อยากเห็น
เสริมสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ ระหว่างเจ้าของกับน้องหมา ยิ่งฝึกด้วยความรัก ความเข้าใจ เค้ายิ่งผูกพันกับเรา
เพิ่มความปลอดภัยทั้งต่อตัวหมาเองและคนรอบข้าง เช่น การหยุดเมื่อเรียก หรือไม่คาบสิ่งของแปลก ๆ ข้างทาง
จะเห็นได้ว่า การฝึก ไม่ใช่แค่เรื่องของวินัย แต่เป็นเรื่องของคุณภาพชีวิตของน้องหมาและเจ้าของด้วยเช่นกัน
เข้าใจธรรมชาติของสุนัข ก่อนเริ่มฝึก
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอคือ น้องหมาไม่เข้าใจภาษามนุษย์ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ทุกคำสั่ง ทุกท่าทาง ทุกกฎเกณฑ์ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ผ่านการฝึกซ้ำ ๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีรางวัลเพื่อทำให้เค้ารู้สึกดีใจ
การให้รางวัล เช่น ขนม คำชม หรือการลูบหัวเบา ๆ จะทำให้น้องหมาเข้าใจว่า “อ๋อ! ถ้าทำแบบนี้แล้วเจ้าของดีใจ ฉันจะทำอีกนะ” ซึ่งดีกว่าการดุ หรือตี ที่มักสร้างความกลัว และทำให้หมาไม่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
❌ หลีกเลี่ยงการลงโทษรุนแรงหรือใช้เสียงดังใส่
✅ ใช้ความใจเย็นและการสื่อสารเชิงบวก จะได้ผลดีกว่าเสมอ

กฎพื้นฐานในการฝึกสุนัข ที่เจ้าของควรรู้
แม้การฝึกสุนัขจะดูเหมือนเรื่องง่าย แต่การฝึกให้ได้ผลดีและเป็นมิตรกับจิตใจของน้องหมานั้น มีหลายปัจจัยที่เจ้าของควรใส่ใจ โดยเฉพาะกฎพื้นฐาน ที่ควรยึดถือระหว่างการฝึก เพื่อให้การเรียนรู้เป็นเรื่องที่น้องหมารู้สึกสนุก ไม่เครียด และพร้อมให้ความร่วมมือมากขึ้น
1. ฝึกแบบสั้น ๆ แต่สม่ำเสมอ
น้องหมา โดยเฉพาะลูกสุนัข มีช่วงสมาธิสั้น การฝึกจึงไม่ควรยาวนานเกินไป แนะนำให้ฝึกวันละหลายช่วง ช่วงละประมาณ 5 นาที แทนที่จะฝึกครั้งเดียวยาว ๆ ครึ่งชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้น้องเบื่อ หรือเหนื่อยจนไม่อยากเรียนรู้ต่อ
2. อย่าฝึกตอนเจ้าของอารมณ์ไม่ดี
สุนัขเป็นสัตว์ที่ไวต่ออารมณ์ของเจ้าของมาก ถ้าพ่อ ๆ แม่ ๆ กำลังหงุดหงิด เครียด หรือเหนื่อยล้า ควรเลี่ยงการฝึกในช่วงนั้นไปก่อน เพราะน้องหมาจะสัมผัสได้ และอาจทำให้เกิดความกังวลหรือต่อต้านโดยไม่รู้ตัว
3 เริ่มจากที่เงียบ ๆ ก่อน
ในช่วงแรกของการฝึก ควรเลือกสถานที่ที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงดังหรือสิ่งรบกวน เพื่อให้น้องโฟกัสได้เต็มที่ หลังจากนั้นค่อย ๆ เพิ่มระดับความยาก เช่น ฝึกในสวน หรือที่มีคนเดินผ่าน เพื่อให้น้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเองในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
4. ฝึกด้วยรางวัล ไม่ใช่การลงโทษ
การสอนที่ได้ผลและน้องหมาเต็มใจต้องมาจาก Positive Reinforcement หรือการเสริมแรงเชิงบวก เช่น การให้ขนม ของเล่น คำชม หรือการลูบตัวเบา ๆ ควรหลีกเลี่ยงการลงโทษ การตะคอก หรือการกระชากสายจูง เพราะจะทำให้น้องรู้สึกกลัวและสูญเสียความไว้ใจในตัวเจ้าของ
5. จบการฝึกด้วยสิ่งที่เค้าทำได้
การจบคาบฝึกในแบบที่น้องหมารู้สึก “ฉันทำสำเร็จ!” เป็นวิธีที่ช่วยเสริมแรงจูงใจได้ดี เช่น ถ้าเทคนิคใหม่ ๆ ยังทำได้ไม่คล่อง ให้ปิดท้ายด้วยคำสั่งง่าย ๆ อย่าง “นั่ง” หรือ “มาหา” แล้วให้รางวัล เพื่อให้น้องรู้สึกดีและมั่นใจในตัวเอง
6. ปรับรางวัลให้เหมาะเมื่อเริ่มคล่อง
เมื่อฝึกไปสักพักแล้วน้องหมาเริ่มเชี่ยวชาญขึ้น ควรค่อย ๆ ลดปริมาณขนม แล้วเปลี่ยนเป็นของเล่น คำชม หรือการสัมผัสแทน เพื่อควบคุมน้ำหนักและให้เค้าไม่เสพติดแค่ขนมอย่างเดียว นอกจากนี้ หากให้ขนมมากในแต่ละวัน ก็ควรปรับลดปริมาณอาหารมื้อหลัก ลงเล็กน้อยด้วย
10 เทคนิคฝึกหมาขั้นพื้นฐาน ที่เจ้าของมือใหม่ต้องรู้!
เทคนิคที่ 1: ฝึกให้น้องหมามาหาเมื่อเรียก

การฝึกให้น้องหมามาหาเมื่อเรียกชื่อ เป็นหนึ่งในคำสั่งพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ควรรีบฝึกให้ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะยังอยู่ในช่วงที่ติดเจ้าของ ถ้าน้องโตขึ้นและเริ่มมีความเป็นตัวเอง อาจฝึกได้ยากขึ้น นอกจากนี้ การฝึกให้มา เมื่อเรียก ไม่เพียงช่วยควบคุมพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ยังช่วยเรื่องความปลอดภัย เช่น เวลาพาน้องออกไปเดินเล่นแล้วหลุดสายจูง หรือเผลอวิ่งไปทางถนน
วิธีการฝึกสุนัขให้มา
เริ่มจากพื้นที่เงียบสงบในบ้าน หาเวลาที่น้องหมาสบายใจ เช่น หลังตื่นนอนหรือเล่นเสร็จใหม่ ๆ แล้วเลือกพื้นที่ไม่มีสิ่งรบกวน
เรียกชื่อ + คำสั่งชัด ๆ เช่น “มา” หรือ “มานี่” ใช้น้ำเสียงเป็นมิตร สดใส อาจตบเข่าหรือเอียงตัวนิดหน่อยเพื่อดึงดูดความสนใจ
เมื่อน้องหมาเดินมาหา ให้รางวัลทันที รางวัลอาจเป็นขนม คำชมแบบตื่นเต้น (“เก่งมากกก!”) หรือการลูบหัวเบา ๆ
ฝึกซ้ำทุกวัน วันละ 2–3 ครั้ง ครั้งละ 3–5 นาทีพอ อย่าลืมเปลี่ยนสถานที่ฝึกเมื่อเริ่มคล่อง เช่น จากในบ้าน → สวน → ที่มีคนหรือหมาตัวอื่น
ถ้าเค้าไม่มา ไล่ตาม แต่ให้ถอยหลังแล้วเรียกใหม่ น้องหมาจะสนใจการเคลื่อนไหวมากกว่าการยืนนิ่ง อย่าไล่ตามหรือวิ่งหนี เพราะเค้าจะนึกว่าเราชวนเล่น ให้ลองค่อยๆ ถอยหลัง และฝึกคำสั่งอีกรอบ
เพิ่มระดับ: ฝึกให้มาหาโดยที่ไม่เห็นตัวเจ้าของ เมื่อน้องหมาเริ่มตอบสนองต่อคำสั่งได้ดีแล้ว ลองซ่อนตัวอยู่หลังประตู หรือมุมห้อง แล้วเรียกชื่อตามด้วยคำสั่ง “มา” เพื่อให้น้องเรียนรู้การตามหาเจ้าของโดยใช้เสียงและกลิ่น ถือว่าเป็นการฝึกและได้เล่นเกมสนุก ๆ ไปในตัว แถมช่วยกระตุ้นสัญชาตญาณการค้นหาและความผูกพันได้ดีมาก
เทคนิคที่ 2: ฝึกให้นั่ง

หนึ่งในคำสั่งที่ง่ายและใช้บ่อยที่สุดในการฝึกสุนัขก็คือ นั่ง เพราะสามารถใช้ควบคุมสถานการณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะก่อนให้อาหาร ตอนจะใส่สายจูง หรือเวลาอยากให้น้องหมาอยู่นิ่ง ๆ สักพัก
วิธีการฝึกสุนัขให้นั่ง
เตรียมขนมโปรดไว้ในมือ เลือกขนมที่น้องหมาชอบมาก ๆ จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการฝึก
ล่อขนมให้น้องเงยหน้า และค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปด้านหลัง เริ่มจากให้น้องหมายืนอยู่ตรงหน้า จากนั้นค่อย ๆ ยกขนมขึ้นเหนือศีรษะ แล้วเลื่อนถอยไปด้านหลังช้า ๆ ท่าทางนี้จะทำให้น้องหมาเงยหน้าขึ้นตามขนม และเพื่อรักษาสมดุล น้องจะค่อย ๆ ย่อตัวลงจนก้นแตะพื้นโดยธรรมชาติ
ทันทีที่ก้นแตะพื้น พูดว่า “นั่ง” และให้รางวัลทันที จุดสำคัญคือพูดคำสั่งในจังหวะที่น้อ
หมานั่งลงพอดีเพื่อให้น้องหมาเชื่อมโยงได้ว่า “อ๋อ ท่านี้เรียกว่า ‘นั่ง’” แล้วจะจดจำคำสั่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ฝึกซ้ำ ๆ วันละไม่เกิน 5–10 นาที ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาที่ให้น้องหมานั่งอยู่นิ่ง ๆ ก่อนให้รางวัล เพื่อสอนเรื่องการควบคุมตัวเองไปด้วยในตัว
อย่ากดตัวน้องหมาให้นั่งเองเด็ดขาด แม้บางครั้งน้องอาจจะยังไม่เข้าใจในช่วงแรก แต่การใช้มือกดตัวน้องหมาลงจะทำให้น้องรู้สึกต่อต้าน ไม่สบายใจ และไม่อยากเรียนรู้คำสั่งนั้นอีก
เทคนิคที่ 3: ฝึกให้หมอบ

คำสั่ง “หมอบ” เป็นอีกหนึ่งคำสั่งพื้นฐานที่ควรฝึกให้กับน้องหมาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเป็นท่าทางที่ช่วยให้น้องอยู่ในสภาวะสงบ นิ่ง และควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่ต้องรอเจ้าของ หรือต้องอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ ๆ
คำสั่ง “หมอบ” ยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่สามารถต่อยอดไปสู่คำสั่งอื่น ๆ ได้ เช่น “รอ” หรือ “อยู่กับที่” รวมถึงช่วยป้องกันพฤติกรรมกระวนกระวายได้ดีมาก ๆ ด้วย
วิธีการฝึกสุนัขให้หมอบ
เริ่มจากให้น้องอยู่ในท่านั่งก่อน เพราะร่างกายน้องจะพร้อมเปลี่ยนไปเป็นท่าหมอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ถือขนมไว้ใกล้จมูก แล้วค่อย ๆ ลากลงพื้นด้านหน้า ให้น้องหมามองตามขนม จากระดับจมูก ลากลงไปช้า ๆ จนถึงพื้น แล้วค่อย ๆ ขยับขนมไปข้างหน้าเล็กน้อย ท่าทางนี้จะกระตุ้นให้น้องค่อย ๆ ยืดตัวตาม และ “หมอบ” โดยที่ข้อศอกแตะพื้น และอกแนบกับพื้นในที่สุด
เมื่อเค้าอยู่ในท่าหมอบเต็มตัว ให้พูดคำว่า “หมอบ” และให้รางวัล เพื่อให้น้องเรียนรู้ว่าท่าทางนี้คือ “หมอบ” และทำอีกเมื่อได้ยินคำนี้ในอนาคต
ฝึกซ้ำ ๆ วันละ 5–10 นาที พอน้องเริ่มเข้าใจ ก็สามารถเพิ่มระยะเวลาที่ให้อยู่ในท่าหมอบนานขึ้นได้ เช่น จาก 5 วินาที → 10 วินาที → 30 วินาที ก่อนจะให้รางวัล
หลีกเลี่ยงการกดตัวน้องลงด้วยมือ ถ้าน้องยังไม่เข้าใจ ไม่ควรใช้แรงบังคับ เช่น การกดหลังหรือกดบ่า เพราะจะทำให้น้องหมารู้สึกไม่ปลอดภัยและต่อต้าน ควรใจเย็น ใช้ขนมและการล่ออย่างค่อยเป็นค่อยไปแทน
เทคนิคที่ 4: ฝึกให้รอ

คำสั่ง “รอ” หรือ “อยู่กับที่” เป็นอีกหนึ่งคำสั่งที่เจ้าของควรสอนให้น้องหมาเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันจริง ไม่ว่าจะเป็นเวลารออาหาร หรือรอเปิดประตู คำสั่งนี้เป็นการฝึก ความอดทน และ การควบคุมตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตร่วมกันเป็นระเบียบและปลอดภัยมากขึ้น
วิธีการฝึกสุนัขให้รอ
เริ่มจากคำสั่งที่น้องคุ้นเคย เช่น “นั่ง” หรือ “หมอบ” ให้น้องหมาอยู่ในท่าที่มั่นคงก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมตัวเอง
ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ แล้วพูดว่า “รอ” คำสั่งนี้ควรพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน แต่ไม่ต้องดังหรือดุ การใช้สัญญาณมือ เช่น ยกฝ่ามือหันหาน้องหมา จะช่วยให้น้องจำคำสั่งได้เร็วขึ้น
ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว แล้วหยุด ถ้าน้องยังอยู่นิ่ง ให้นับในใจ 2–3 วินาที แล้วรีบกลับไปหาพร้อมกับชมและให้รางวัล ถ้าน้องลุกขึ้นเดินตาม ให้กลับไปที่ตำแหน่งเริ่มต้น แล้วลองใหม่ โดยลดระยะหรือเวลาลงเล็กน้อย
ค่อย ๆ เพิ่มระยะและระยะเวลา เมื่อน้องหมาเริ่มเข้าใจคำสั่ง “รอ” ค่อย ๆ เพิ่มความท้าทาย เช่น ถอยหลัง 3–5 ก้าว หรือรอนานขึ้นเป็น 5–10 วินาที ก่อนกลับไปให้รางวัล
ฝึกวันละนิด แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนสถานที่ เริ่มจากในบ้าน → หน้าบ้าน → ที่สวน → ที่มีสิ่งรบกวนมากขึ้น เพื่อให้น้องเรียนรู้ว่าคำว่า “รอ” ใช้ได้ทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่ตอนฝึก
เทคนิคที่ 5: ฝึกเดินข้าง ไม่ลากสายจูง

หนึ่งในเรื่องปวดหัวของคนเลี้ยงหมาก็คือ เวลาพาน้องออกไปเดินเล่น แล้วต้องถูกลากไปเหมือนโดนน้องพาเดินแทน! การฝึกให้ เดินข้างโดยไม่ดึงสายจูง เป็นสิ่งที่ช่วยให้การพาเดินกลายเป็นช่วงเวลาน่ารัก ชิล ๆ และปลอดภัยสำหรับทั้งน้องหมาและเจ้าของ แถมยังช่วยลดอุบัติเหตุหรือการเหนื่อยล้าเวลาพาไปในที่สาธารณะอีกด้วย
วิธีการฝึกสุนัขให้เดินข้าง ไม่ลากสายจูง
เลือกสายจูงที่พอดี ไม่ยาวหรือรัดเกินไป ใช้สายจูงแบบธรรมดาความยาว 1.2 – 1.5 เมตร อย่าใช้สายรูดหรือสายสปริงตอนฝึก เพราะควบคุมได้ยาก
เริ่มเดินในที่ที่ไม่มีสิ่งรบกวน เช่น ในบ้าน ลานหน้าบ้าน หรือทางเดินสงบ ๆ เพื่อให้น้องโฟกัสที่การฝึก
ให้ขนมทุกครั้งเมื่อน้องเดินข้างโดยสายจูงไม่ตึง ทุกครั้งที่น้องเดินข้างแบบพอดี ไม่ดึงสาย ควรให้รางวัลหรือชมทันที เพื่อสร้างการเชื่อมโยงว่า เดินดี = ได้ขนม/คำชม
ถ้าน้องเริ่มดึงสาย ให้หยุดเดินทันที ไม่ต้องดึงกลับ แค่หยุดนิ่ง รอจนน้องหยุดแล้วหันกลับมามองเราเอง เมื่อน้องเริ่มเดินกลับมา ให้ชม แล้วค่อยเริ่มเดินต่อ เป็นการสอนว่า “ถ้าอยากเดินต่อ ต้องไม่ดึง”
เปลี่ยนทิศทันทีเมื่อน้องดึงแรง ถ้าน้องหมายังดึงไม่หยุด ให้เปลี่ยนทิศทางเดินไปทางตรงข้าม จะทำให้น้องเริ่มหันมาสนใจเราแทนที่จะมัวแต่ดึงไปข้างหน้า
ฝึกให้น้องหมาอยู่ฝั่งเดียวเสมอ ซ้ายหรือขวาเลือกฝั่งเดียว แล้วใช้มือเดียวในการถือขนม/สายจูง เพื่อสร้างความเคยชิน
เทคนิคที่ 6: ฝึกขับถ่ายเป็นที่

สำหรับคนเลี้ยงหมา โดยเฉพาะลูกหมาวัยซน การฝึกให้น้องขับถ่ายเป็นที่ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่ช่วยให้บ้านสะอาดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้น้องเรียนรู้เรื่องวินัยได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วย
การขับถ่ายไม่เป็นที่อาจทำให้พ่อ ๆ แม่ ๆ คนเครียด จนเผลอแสดงอารมณ์หรือดุเสียงดัง ซึ่งอาจทำให้น้องกลัวและไม่กล้าขับถ่ายต่อหน้าเราอีกเลย (หนีไปแอบฉี่ตามมุมบ้านแทน!)
ดังนั้น เรามาฝึกอย่างถูกวิธีกันดีกว่าครับ แบบที่น้องเข้าใจ และเจ้าของไม่ต้องเหนื่อยซักทุกวัน!
วิธีการฝึกสุนัขให้ขับถ่ายเป็นที่
เลือกจุดสำหรับขับถ่ายให้ชัดเจน เช่น บริเวณสนามหน้าบ้าน พื้นที่วางแผ่นรองฉี่ หรือตำแหน่งที่สามารถดูแลและทำความสะอาดได้ง่าย
พาไปเวลาเดิมทุกครั้งให้เป็นกิจวัตร เช่น หลังตื่นนอน หลังมื้ออาหาร หลังเล่น หรือหลังงีบ
พาไปที่เดิมทุกครั้ง เพื่อให้จดจำได้ว่า “ที่นี่คือห้องน้ำ” ไม่ควรเปลี่ยนที่ไปเรื่อย ๆ เพราะจะทำให้น้องสับสนว่า จะฉี่ตรงไหนดี
เมื่อน้องขับถ่ายตรงจุด ให้รางวัลหรือชมทันที ชมด้วยน้ำเสียงดีใจ ลูบหัว หรือให้ขนมเล็ก ๆ เพื่อเสริมแรงว่า ทำตรงนี้ = ดีมาก
ถ้าน้องเผลอถ่ายผิดที่ อย่าดุ หรือใช้เสียงดัง เพราะน้องอาจกลัวและแอบไปขับถ่ายที่ลับ ๆ แทน ให้ทำความสะอาดบริเวณนั้นด้วยน้ำยากลิ่นแรง เพื่อกลบกลิ่นเดิม แล้วพาเค้าไปที่ที่ถูกต้องอีกครั้ง
เทคนิคที่ 7: ฝึกไม่ให้กัดของในบ้าน

น้องหมาเกือบทุกตัว โดยเฉพาะช่วงวัยลูกหมาที่มักจะชอบกัด แทะ หรือเคี้ยวของรอบตัวเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า โซฟา ขาโต๊ะ รีโมตทีวี หรือแม้แต่มุมประตู!
สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความคันเหงือก ความเบื่อ หรืออยากสำรวจสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งถ้าเราไม่สอนให้เค้ารู้ว่า “อะไรกัดได้ อะไรกัดไม่ได้” น้องหมาก็จะเรียนรู้และเข้าใจผิดว่า สามารถกัดได้ทุกอย่าง
วิธีการฝึกสุนัขให้ไม่กัดของในบ้าน
เตรียมของเล่นสำหรับให้กัดโดยเฉพาะไว้ให้เสมอ เลือกของเล่นแบบกัดได้ เช่น ยางกัด เชือกเหนียว เพื่อให้น้องระบายพลังได้อย่างเหมาะสม
ถ้าพบว่าน้องกำลังกัดของที่ไม่ควรกัด ห้ามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ใช้พูดคำสั้น ๆ ชัดเจน เช่น “ไม่” หรือ “พอแล้ว” ด้วยโทนเสียงจริงจัง แต่ไม่ต้องตะโกน หลีกเลี่ยงการหัวเราะหรือแสดงท่าทีสนุก เพราะหมาบางตัวจะคิดว่า “โอ้! เจ้าของเล่นด้วยแล้ว!”
เปลี่ยนของที่กัดไม่ได้ เป็นของเล่นแทน ยื่นของเล่นไปให้น้อง แล้วชมทันทีเมื่อเค้าเปลี่ยนมากัดของเล่นแทน เช่น “เก่งมาก!” หรือให้ขนมเล็กน้อย ทำซ้ำบ่อย ๆ เพื่อให้เค้าเข้าใจว่า ของเล่น = กัดได้ / รองเท้า = กัดแล้วโดนห้าม
เก็บของที่ไม่ควรโดนกัดให้พ้นสายตา อย่าลืมว่าน้องหมาเรียนรู้ผ่านการสำรวจ ถ้าเค้าเดินไปเจอของที่น่าสนใจแต่เจ้าของไม่ได้ห้ามตั้งแต่แรก เค้าจะคิดว่า “โอเค กัดได้แหละ”
หากกัดสิ่งของบ่อยจากความเครียดหรือเบื่อ ลองเพิ่มกิจกรรมระหว่างวัน พาออกไปเดินเล่น เล่นเกมส์ฝึกสมอง หรือสอนคำสั่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยให้น้องลดพฤติกรรมทำลายข้าวของลงได้
เทคนิคที่ 8: ฝึกเข้าสังคม

การฝึกให้น้องหมาเข้าสังคม ไม่ใช่แค่การพาไปเจอหมาตัวอื่น หรือพาออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เท่านั้น แต่หมายถึงการช่วยให้น้องคุ้นเคยกับโลกภายนอก ตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะเป็นเสียงดัง คนแปลกหน้า รถวิ่งผ่าน หรือสิ่งเร้าที่เค้าไม่เคยเจอมาก่อน หมาที่ไม่ได้รับการฝึกเข้าสังคมอย่างเหมาะสม มักจะมีแนวโน้ม กลัวง่าย ก้าวร้าว หรือเครียด เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์แปลกใหม่
วิธีการฝึกสุนัขให้เข้าสังคม
เริ่มพาออกไปข้างนอกตั้งแต่น้องยังเล็ก (หลังฉีดวัคซีนครบ) เริ่มจากสถานที่ที่เงียบและปลอดภัย เช่น หน้าบ้าน หรือสนามใกล้บ้าน
ค่อย ๆ ให้พบกับคน สัตว์ หรือสถานการณ์ใหม่ ๆ ทีละนิด ไม่ต้องรีบพาไปเจอทุกอย่างในวันเดียว เช่น วันแรกเจอคน, วันถัดไปฟังเสียงรถ, อีกวันเจอหมาอื่น ให้เค้าได้เรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป จะได้ไม่ตื่นกลัว
สังเกตสีหน้า ท่าทาง และภาษากายของน้องหมา ถ้าน้องหมาเริ่มเลียปาก หูลู่ หางจุก หรือเบี่ยงตัวหนี แสดงว่าเครียด อย่าบังคับ ควรให้เวลากับเค้า และถอยกลับมาหนึ่งขั้น แล้วค่อยลองใหม่วันหลัง
ทุกครั้งที่น้องหมาปรับตัวได้ดี ให้รางวัลทันที เช่น เมื่อน้องยอมให้คนแปลกหน้าเข้ามาลูบโดยไม่หลบ หรือไม่เห่า ชมด้วยเสียงสดใส + ให้ขนม การสร้างประสบการณ์เชิงบวกแบบนี้จะฝังใจว่าสิ่งแปลกใหม่ นั้นไม่น่ากลัว
ฝึกซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่พาออกครั้งเดียวจบ เหมือนคนเราฝึกเข้าสังคม น้องหมาก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และจดจำเช่นกัน
เทคนิคที่ 9: ฝึกให้ปล่อยของหรือหยุดทันที

น้องหมาหลายตัวมีนิสัย คาบทุกอย่างที่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า ถุงพลาสติก เศษอาหารข้างทาง หรือแม้แต่ของอันตรายอย่างช็อกโกแลต ยางรัด หรือของมีคม
ถ้าเราไม่ฝึกคำสั่ง “ปล่อย” หรือ “อย่าแตะ” ไว้ตั้งแต่ต้น เวลาเจอสถานการณ์จริงอาจไม่ทันการ และอาจเกิดอันตรายต่อน้องหมาได้ทันที
คำสั่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยที่ควรฝึกไว้เป็นพื้นฐานตั้งแต่ยังเด็กเลยครับ
วิธีการฝึกสุนัขให้ปล่อย
เริ่มจากของเล่นที่น้องชอบคาบ เช่น ลูกบอลหรือตุ๊กตา ให้น้องหมาคาบอยู่ในปาก แล้วแสดงของเล่นหรือขนมอีกชิ้นที่เค้าชอบกว่าให้ดู
เมื่อน้องหมาเริ่มสนใจสิ่งใหม่ จะปล่อยของเดิมเอง ทันทีที่ของเดิมหลุดจากปาก ให้พูดว่า “ปล่อย” พร้อมให้รางวัลทันที
ฝึกซ้ำบ่อย ๆ จนน้องหมาเข้าใจว่าคำว่า “ปล่อย” = ต้องปล่อยสิ่งที่อยู่ในปาก ต่อไปเมื่อน้องคาบสิ่งที่ไม่ควร เช่น ถุงขยะ คุณก็สามารถสั่ง ปล่อย ได้เลยทันที
วิธีการฝึกสุนัขให้อย่าแตะ
วางขนมหรือของที่น้องอยากได้ลงพื้น (แต่อย่าให้ถึงตัวเค้า) ใช้สายจูงควบคุมในระยะที่เค้าไม่สามารถคาบได้
ทันทีที่น้องหมามองหรือพุ่งเข้าไป ให้พูดว่า “อย่าแตะ” พร้อมเบี่ยงความสนใจ ถ้าเค้าหยุด หรือหันกลับมามองคุณ ให้รางวัลทันที พร้อมชมเสียงสดใส
ฝึกซ้ำโดยค่อย ๆ ลดระยะห่างให้น้องเข้าใกล้ของต้องห้ามได้มากขึ้น เค้าจะเริ่มเข้าใจว่า “ถ้าไม่แตะของ → จะได้รางวัล”
เทคนิคที่ 10: ฝึกเข้ากรง / เข้าคอก

คำว่า กรง หรือ คอก อาจฟังดูเหมือนพื้นที่จำกัด แต่ถ้าเราฝึกให้น้องหมา มองว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง แทนที่จะมองว่าเป็นที่ลงโทษ น้องหมาจะยอมเข้าไปอยู่เองอย่างเต็มใจ และใช้เวลาในกรงได้อย่างสงบโดยไม่รู้สึกเครียด
การฝึกเข้ากรงหรือคอกไม่เพียงช่วยเรื่องวินัย แต่ยังเป็นประโยชน์ในหลายสถานการณ์จริง เช่น เวลาเจ้าของไม่อยู่บ้าน, ช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัด, ตอนเดินทาง หรือแม้แต่การพักผ่อนในแต่ละวัน
วิธีการฝึกสุนัขให้เข้ากรง/เข้าคอก
เลือกกรงหรือคอกให้พอดีกับตัวน้อง ต้องมีพื้นที่ให้น้องยืน หมุนตัว และนอนยืดขาได้สบาย ไม่อึดอัด จัดที่นอน ผ้าห่ม หรือของเล่นไว้ในกรงให้ดูน่าอยู่เหมือนบ้านหรือพื้นที่ส่วนตัวของน้อง
เริ่มจากการเปิดประตูไว้ตลอดเวลา วางขนมหรือของเล่นไว้ในกรงให้น้องเดินเข้าไปสำรวจเองแบบไม่บังคับ ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจนน้องเริ่มเข้าไปนั่งหรือนอนในนั้นเองโดยสมัครใจ
ใช้คำสั่ง เช่น “เข้าบ้าน” หรือ “เข้ากรง” ทุกครั้งที่เค้าเข้าไป เพื่อให้น้องหมาเริ่มเชื่อมโยงคำสั่งกับพฤติกรรมที่ควรทำ
ค่อย ๆ ปิดประตูสั้น ๆ เมื่อน้องอยู่ในกรงอย่างสบายใจ เริ่มจากปิด 5 วินาที → 10 วินาที → 30 วินาที พร้อมชมทุกครั้งที่เค้าอยู่นิ่ง แต่ถ้าน้องร้องหรือข่วนประตูอย่ารีบเปิดทันที เพราะจะทำให้น้องเรียนรู้ว่า ถ้าร้อง = ประตูจะเปิด ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำพฤติกรรมเรียกร้องโดยไม่รู้ตัว และอาจทำให้ฝึกได้ยากขึ้น
ฝึกให้ใช้กรงตอนอยู่บ้านก่อน อย่าใช้ตอนแรกเฉพาะเวลาทิ้งเค้าไว้ลำพัง เพื่อให้น้องไม่รู้สึกว่า เจ้าของไม่อยู่ = โดนขัง
การฝึกหมาไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนอย่างที่หลายคนคิด ไม่จำเป็นต้องเป็นมืออาชีพก็สามารถสอนน้องให้มีวินัย เรียนรู้พฤติกรรมพื้นฐาน และใช้ชีวิตร่วมกับเราได้อย่างมีความสุข ขอเพียงแค่เริ่มต้นด้วยความเข้าใจ ฝึกอย่างสม่ำเสมอ และใช้วิธีเชิงบวกแทนการบังคับ
เทคนิคทั้ง 10 ข้อที่เราแบ่งปันไปนี้ เหมาะสำหรับคนเลี้ยงมือใหม่ที่อยากสร้างรากฐานที่ดีให้น้องหมา ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งง่าย ๆ อย่าง “นั่ง” “รอ” “มา” ไปจนถึงการฝึกเข้ากรงหรือการควบคุมพฤติกรรมสำหรับน้องๆ
และนอกจากการฝึกพฤติกรรมแล้ว อย่าลืมว่าสุขภาพก็เป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้เช่นกันเพราะน้องหมาที่ร่างกายแข็งแรง ระบบย่อยอาหารดี และได้รับสารอาหารครบถ้วน จะมีพลังและสมาธิในการเรียนรู้มากกว่า
ถ้ายังมองหาอาหารดี ๆ ให้กับน้องหมา เราก็ขอฝาก Yora อาหารสุนัขเกรด Holistic จากอังกฤษ ที่ใช้โปรตีนจากแมลงเป็นแหล่งหลัก ให้สารอาหารสูง ย่อยง่าย และเหมาะกับน้องหมาทุกสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก พันธุ์ใหญ่ หรือเป็นหมาแพ้ง่าย ก็ทานได้สบายๆ เลยครับ
เพราะการเลี้ยงน้องหมาให้มีความสุข ไม่ใช่แค่เรื่องของคำสั่งที่เขาทำตามได้แต่คือการดูแลแบบรอบด้าน ทั้งพฤติกรรม โภชนาการ และความรักที่เขารู้สึกได้ทุกวัน!
https://carsimult2mod.com/
good
Discover Ww Badwap Com for Hindi sex kahani, desi adult clips, and XXX entertainment. Stay updated with daily hot uploads at www badwap.
RELATED:Joe Burrow Reveals Which Bold He's Arena Adapted Now
The bivouac actualization snippets of in-game footage, from Patrick Mahomes affairs off some of his iconic ancillary throws, to the Philadelphia Eagles lining up for a celebration. Admitting admirers accept accustomed a glimpse of training camp, abounding accept acicular out that amateur models in Madden NFL 26 still accord assertive athletes a disservice, such as Baltimore's Patrick Queen or Los Angeles' Austin Ekeler. While the listed actualization advancing to Madden 26 coins the new Madden accord the association a blink of hope, best accept resorted to demography a alert "wait and see" approach.
Among an assay to Madden's Authorization Mode, the moment-to-moment gameplay of Madden 26 is actuality added with improvements…
Similarly, if intoxication of luxury is what you are looking for, our Call Girl in Andheri service provides you that opportunity to indulge in the finer things in life with our high-profile call girls always at your service.
Searching for a better alternative to WhatsApp? Give FM WhatsApp a try today. With the latest FM WhatsApp APK, you get added privacy, more themes, and advanced features that the regular app doesn’t provide. Get a safe and secure FM WhatsApp download at fmwatasa