top of page
Search
Writer's pictureYORA Expert

20 สายพันธ์ุน้องหมาพันธุ์ใหญ่ น่าเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเฝ้าบ้าน [พร้อมราคา]

Updated: Jun 27


 

หมาพันธุ์ใหญ่น่ารักน่าเลี้ยง ขนยาว ขนสั้น กอดอุ่นๆ

  1. อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)

  2. คอลลี่​ (Rough Collie)

  3. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)

  4. โอลด์ อิงลิช ชีปด็อก (Old English Sheep Dog)

  5. อัลเซเชี่ยล (German Shepherd/ Alsatian)

  6. บางแก้ว (Thai Bangkaew)

  7. ดัลเมเชี่ยน (Dalmatian)

  8. ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)

  9. อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย (American Pitbull Terrier)

  10. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

  11. เกรดเดน (Great Dane)

  12. ลาบาร์ดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

  13. อเมริกัน บลูด็อก (American Bulldog)

  14. เซนต์เบอร์นาร์ด (Saint Bernard)

  15. ทิเบตันมาสทิฟฟ์ (Tibetan Mastiff)

  16. อะกิตะอินุ (Akita Inu)

  17. ชามอย (Samoyed)

  18. เชาเชา (Chow Chow)

  19. ไอริช วูล์ฟฮาวด์ (Irish Wolfhound)

  20. นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland)

 


หมาพันธุ์ใหญ่ น่ารัก เลี้ยงง่าย ใช้เป็น Guard Dog ช่วยเฝ้าบ้านได้

 

มาเริ่มกันที่สุนัขพันธุ์ใหญ่กันก่อนเลยดีกว่า สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่คิดว่าหมาพันธุ์เล็กยังไม่โดนใจ ลองมาหาสุนัขพันธุ์ใหญ่กอดอุ่นๆไว้เป็นเพื่อนเล่นยามเหงา และทำหน้าที่เฝ้าบ้านไปในเวลาเดียวกัน ขอบอกไว้ก่อนว่าใบบทความนี้เราได้เตรียมราคาซื้อ-ขาย โดยประมาณของสุนัขพันธ์ุใหญ่แต่ละพันธุ์ แต่ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบและอยากเช็คราคาสุนัขพันธ์ุเล็ก ทางเราก็มีเตรียมไว้ให้เช่นกัน เมื่อทราบราคาสุนัขแต่ละสายพันธุ์คร่าวๆแล้วก็อย่ารอช้ากันอยู่เลยครับ วันนี้ Yora Thailand ขอแนะนำ 20 สายพันธ์ุน้องหมาพันธุ์ใหญ่ น่ารักน่าเลี้ยง ไว้เป็นเพื่อนสี่ขา เป็นพี่ใหญ่ใจดี แต่ก็ดูน่าเกรงขาม และสามารถปกป้องคนในครอบครัวได้ โดยเรารวมเอาข้อมูลของน้องหมา ได้แก่ ลักษณะทั่วไป นิสัยใจคอ โรคต่าง ๆ ที่ควรระวัง ราคาโดยประมาณ ฟาร์มแนะนำในไทย และอาหารที่เหมาะสมไว้ให้แล้ว เอาหล่ะ อย่ารอช้า ไปดูกันเลยครับ

Dog food

 

1. อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)



เริ่มต้นกันที่เจ้าหมาตัวยักษ์กอดอุ่นอย่าง ‘อลาสกัน มาลามิวท์’ ที่มักจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็น ไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่จริง ๆ แล้วสองสายพันธุ์นี้มีความแตกต่างกันอยู่เหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะเรื่องของขนาดที่อลาสกันจะตัวใหญ่กว่าชัดเจน แต่ในส่วนของความซุกซนนั่นก็แอบเป็นรองฮัสกี้อยู่นิดหน่อย จุดกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้มาจากชนเผ่ามาลามิวท์ (Malamute) ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของอลาสก้า ทำหน้าที่เป็นสุนัขลากเลื่อนของหนัก ๆ ไปตามเส้นทางหิมะ เพราะน้องหมาตัวใหญ่พันธุ์นี้มีพละกำลังมาก และแรงเยอะสุด ๆ ไปเลย


ลักษณะทั่วไป

  • หูตั้งเป็นสามเหลี่ยม จมูกยาว

  • โครงสร้างกระดูกใหญ่ และแข็งแรงมาก

  • ขนฟูปุกปุยทั่วตัว มีหลายสี

  • น้ำหนักเฉลี่ย 30 - 40 กิโลกรัม

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • รักอิสระ ชอบผจญภัยท่องโลกกว้าง

  • กระตือรือร้น (แต่ไม่ซนเท่าเจ้าฮัสกี้)

  • เป็นมิตรกับมนุษย์ ชอบอยู่ใกล้ ๆ เจ้าของ

  • ไม่ค่อยเห่า แต่อาจจะหอนแทน บรู๊วววว

โรคที่ควรระวัง

  • โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) เกิดขึ้นบ่อยมากในสุขันที่มีน้ำหนักตัวเยอะ มักเริ่มต้นมาจากกระดูกข้อต่อขาหลังหลวม หากปล่อยไว้ไม่รักษาให้ทันท่วงทีก็อาจนำไปสู่อาการอัมพาตจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ป้องกันได้โดยการให้อาหารที่ค่าโภชนาการเหมาะสม และออกกำลังกายแบบพอดี


อาหารที่เหมาะสม: เพราะพี่ใหญ่พันธุ์อลาสกันมีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมวิ่งเล่นออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา อาหารจึงเป็นส่วนสำคัญมากที่จะทำให้เจ้าตูบมีคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ เจ้าของควรเลือกอาหารสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีปริมาณโปรตีนสูง รวมไปถึงมีสารอาหารอื่น ๆ ในปริมาณที่เหมาะสม ต้องแบ่งอาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ ระหว่างวัน และจำกัดปริมาณอาหารให้พอดี เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน ยิ่งช่วงที่น้องแก่ตัวลง น้ำหนักสุนัขพันธุ์นี้จะขึ้นได้ง่าย และความคึกอาจจะลดลงแม่แก่ตัวลง จึงต้องมีวิธีการดูแลสุนัขพันธุ์นี้เป็นพิเศษเมื่อแก่ตัวลงไป


ราคา: 40,000 - 80,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: Alaskandog (จำหน่ายสุนัข Alaskan พันธุ์แท้)


 

2. คอลลี่​ (Rough Collie)



สุนัขพันธุ์ ‘คอลลี่’ น้องหมาต้อนแกะแสนฉลาดของประเทศสกอตแลนด์ เป็นอีกหนึ่งหมาพันธุ์ใหญ่ขนยาวที่น่ารักตลอดกาล เพราะด้วยหน้าตาอันบ๊องแบ๊ว ผสานกับความฉลาดรอบรู้ของเจ้าตูบพันธุ์นี้ รับรองว่าจะต้องกลายเป็นที่รักของคนทั้งบ้านแน่นอนครับ และถึงแม้เมื่อก่อนเจ้าคอลลี่จะเคยเป็นแรงงานในฟาร์มแกะ แต่ในปัจจุบันเราอาจะเห็นน้องหมาพันธุ์นี้เข้าร่วมรายการแข่งขัน โดยสามารถโชว์ทักษะวิ่งไวและทำตามคำสั่งได้อย่างเฉียบคม บอกเลยว่าสอนให้ทำตามคำสั่งได้ไม่ยากแน่นอนครับ


ลักษณะทั่วไป

  • จมูกยาวอย่างเห็นได้ชัด

  • ขนยาวตรง เงาสรวย

  • ใบหูใหญ่เป็นสามเหลี่ยม

  • อายุเฉลี่ย 10 - 16 ปี

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • กระตือรือร้น ชอบเล่นซนตลอดเวลา

  • เข้ากับทุกคนในครอบครัวได้ดี

  • รักเด็ก เหมาะสำหรับบ้านที่มีน้อง ๆ

  • อาจจะเห่าไม่หยุด เมื่อเบื่อ หรือเจอคนแปลกหน้า

โรคที่ควรระวัง

  • มะเร็งในสุนัข (Dogs Cancer) จากผลสำรวจพบว่ามากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของสุนัขพันธุ์นี้เจอปัญหาเรื่องมะเร็ง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม และอาหาร เจ้าของควรป้องกันแต่เนิ่น ๆ ในเรื่องที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะการใส่ใจเลือกเรื่องอาหารคุณภาพสูง


อาหารที่เหมาะสม: อาหารที่เหมาะสมของเจ้าตูบพันธุ์คอลลี่ คืออาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการสูง เพื่อให้สมดุลกับพลังงานที่คอลลี่ต้องใช้วิ่งเล่นในแต่ละวันและบำรุงขนให้สรวยอยู่เสมอ เจ้าของควรคำนวณปริมาณอาหารที่เหมาะสมของน้องหมาแต่ละตัว โดยปกติแล้วหมาพันธุ์นี้ต้องการโปรตีนที่มากกว่าปกติเล็กน้อย และควรแบ่งออกเป็น 2 - 3 มื้อย่อยต่อวัน


ราคา: 6,000 - 30,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: ฟาร์มสุนัขราฟคอลลี่ประเทศไทย

 

3. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)


หนึ่งในสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่นิยมเลี้ยงกันสุด ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้าฮัสกี้ ขนปุย ตาฟ้า มองมุมไหนก็หล่อเท่ห์ใช่เล่น สุนัขพันธุ์นี้ถือว่ามีพลังล้นเหลือ กระตือรือร้น มีเสน่ห์ในตัว มีความขี้อ้อน ชอบอยู่ใกล้เจ้าของ บางตัวมีพรสวรรค์สามารถพูดหรือร้องเพลงได้ด้วย โดยต้นกำเนิดของพันธุ์นี้มาจากแถบไซบีเรียของประเทศรัสเซีย เริ่มมาจากการเป็น Working Dog หรือสุนัขใช้งานมาก่อน โดยส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็นหมาลากเลื่อนอยู่บริเวณเขตพื้นที่หนาวเย็น แต่ถึงแม้ว่าจะทำงานหนักได้ แต่เจ้านี้ก็แสบใช่เล่น จนได้ฉายาว่า ‘ไซบีลิง’ เลยล่ะครับ วิธีดูแลหมาพันธุ์ไซบีเรียนก็ไม่อยากครับ แค่ปล่อยให้น้องได้วิ่งเยอะๆ เพราะสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนพลังงานล้นเหลือมาก


ลักษณะทั่วไป

  • มีขนฟูหนา ดวงตารูปอัลมอนด์

  • หูตั้งสง่าเป็นรูปสามเหลี่ยม รับสัญญาณเสียงได้ชัดเจน

  • จมูกยาวกำลังดี ประสาทรับกลิ่นดีมาก

  • น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 18 - 27 กิโลกรัม

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • พลังงานเหลือล้น ชอบวิ่งซน

  • ร่าเริง อารมณ์ดี ขี้อ้อน

  • ชอบหอนมากกว่าเห่า บางตัวร้อง chorus ตามได้เลย

  • ฉลาด เรียนรู้ง่าย (ล็อกกรงดี ๆ นะครับ เพราะเค้าอาจแอบเปิดประตูกรงเองได้)

โรคที่ควรระวัง

  • โรค GDV : Gastric Dilatation Volvulus (กระเพาะอาหารขยายและบิดตัว) มักเกิดจากการที่เจ้าฮัสกี้รีบกินอาหารหรือน้ำในปริมาณที่มากเกินไปหลังวิ่งเล่นเสร็จ จนเกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารจนเสียชีวิต หลีกเลี่ยงได้ด้วยการใส่ใจดูแลเรื่องปริมาณอาหารและน้ำ ไม่วางเผื่อไว้จนเยอะเกินไป แถมยังมีโรคต่างๆในสุนัขที่ต้องระวังเมื่อสุนัขพันธุ์นี้อายุเยอะขึ้น อย่างที่เคยได้ยินกันว่าหมาเมืองนอกมักจะอ่อนแอป่วยง่ายก็อาจจะไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงไปนัก


อาหารที่เหมาะสม: ใครสนใจอยากเลี้ยงเจ้าตูบพันธุ์นี้ ต้องแน่ใจว่ามีพื้นที่มากพอให้เขาได้วิ่งเล่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง แต่ถึงแม้ว่าฮัสกี้จะใช้พลังงานเยอะ แต่เขากลับต้องการอาหารที่พอดี ไม่มากจนเกินไป เพราะฉะนั้นเจ้าของต้องมั่นใจว่าสิ่งที่น้อง ๆ ได้รับนั้นมีคุณภาพ มีโปรตีนสูง เป็นอาหารเกรดพรีเมี่ยม ครบถ้วนตามโภชนาการที่หมาพันธุ์ใหญ่ต้องการ


ราคา: 6,000 - 50,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: ฟาร์ม ALL BEST KENNEL

 

4. ชามอย (Samoyed)


นอกเหนือจากพี่เบิ้มขนปุยสายพันธุ์อื่นแล้ว สุนัขพันธุ์ชามอย ก็ถือเป็นอีกพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เพราะด้วยอุปนิสัยที่เฟรนด์ลี่และชอบเจอผู้คน ทำให้ชามอยเป็นทั้งสุนัขเฝ้าบ้านที่ดีและยังสามารถพาออกไปเที่ยวเล่นได้ไม่ต่างกับหมาพันธุ์เล็กเลย และถึงแม้ต้นกำเนิดจะเคยเป็นหมาล่ากวางมาก่อน ก็ไม่ทำให้ชามอยลดความหล่อเหลาลงแม้แต่น้อย แถมยังมีรอยยิ้มที่น่ารักน่าเอ็นดู ที่เรียกกันว่า Sammie Smile อีก รับรองว่าเดินไปทางไหนต้องมีคนหยุดเล่นกับน้องแน่นอน


ลักษณะทั่วไป

  • น้ำหนักประมาณ 20 - 30 กิโลกรัมง

  • ขนสีขาวปุกปุยทั้วตัว (เหมือนหมีโพลาเลย!)

  • หางม้วนเป็นพุ่ม ชี้สวยงาม

  • มีอายุขัยยาวนานถึง 12 - 14 ปี

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • มีความกล้าหาญและอดทน

  • กระตือรือร้น ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

  • มักอ้อนเจ้าของ ต้องการความรักอยู่ตลอดเวลา

  • เข้ากับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ ได้ดี

โรคที่ควรระวัง

มีข้อมูลระบุไว้จาก American Kennel Club ว่าน้องหมาพันธุ์ชามอยค่อนข้างที่จะแข็งแรงถ้าเทียบกับสุนัขใหญ่พันธุ์อื่นๆ แต่อาจเจอปัญหาทั่วไปเช่น โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia), ปัญหาเกี่ยวกับตา หรือโรคเกี่ยวกับหัวใจ สิ่งสำคัญคือเจ้าของต้องหมั่นแปรงฟันให้ชามอยบ่อยๆ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีด้วยนะครับ


อาหารที่เหมาะสม: ไม่ต่างจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ พี่หมีขาวชามอยเองก็ต้องการอาหารที่มีคุณภาพสูง เต็มเปี่ยมไปด้วยโภชนาการ และมีความหลากหลาย ควรเลือกอาหารให้เหมาะกับช่วงวัยรวมไปถึงควบคุมปริมาณอาหารให้พอเหมาะพอดี ไม่มากจนเกินไปที่อาจทำให้เกิดปัญหาน้ำหนักเกินได้


ราคา: 40,000 บาทขึ้นไป

ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: Maeluga Samoyed


 

5.อัลเซเชี่ยล (German Shepherd/ Alsatian)



หลาย ๆ คนอาจเคยเห็นเจ้าหมาพันธุ์ ‘อัลเซเชี่ยล’ หรืออีกชื่อคือ ‘เยอรมันเชพเพิร์ด’ ทำหน้าที่เป็นสุนัขตำรวจสุดเท่ห์กันใช่ไหมล่ะครับ ก็เพราะสุนัขพันธุ์นี้ฉลาด และทำตามคำสั่งได้ดีสุด ๆ เหมาะมากกับบ้านที่กำลังตามหาสุนัขเฝ้าบ้านนิสัยใจดี สามารถเข้าได้กับทุกคนในบ้าน แต่กลับดุดันและห้าวหาญกับใครก็ตามที่เข้ามาเยือนถิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต รับรองว่างานนี้โจรมีกระเจิง! เป็นอีกหนึ่งหมาพันธุ์ใหญ่น่าเลี้ยงที่แนะนำเลยครับ


ลักษณะทั่วไป

  • โครงสร้างใหญ่ น้ำหนักอยู่ที่ 22 - 40 กิโลกรัม

  • หูตั้ง รับสัญญาณเสียงได้ดี

  • จมูกยาวสีดำ ดมกลิ่นได้อย่างแม่นยำ

  • อายุเฉลี่ยประมาณ 9 - 13 ปี

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • ฉลาด และเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของ

  • ซื่อสัตย์ สามารถป้องกันอันตรายที่จะเข้ามาถึงตัวเจ้าของได้ดี

  • กระตือรือร้น ชอบผจญภัยค้นหาสิ่งรอบตัว

  • ใจดี แต่จะไม่เข้าหาคนแปลกหน้าก่อน

โรคที่ควรระวัง

  • โรคไขสันหลังเสื่อม (Degenerative Myelopathy) เป็นโรคที่มักเกิดกับสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่เคลื่อนตัวหรือออกกำลังกายบ่อย โดยจะเริ่มจากการอักเสบบริเวณระบบประสาทและทำให้น้องหมาเป็นอัมพาตในที่สุด


อาหารที่เหมาะสม: อาหารที่เหมาะสมกับสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด คืออาหารที่มีสารอาหารคุณภาพสูง เพราะเจ้าตูบพันธุ์นี้ต้องใช้พลังงานในการออกกำลังกายและทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าบ้านที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เจ้าของควรเลือกอาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของ By-product (เศษอาหารเหลือแปรรูป) และควรจำกัดเรื่องปริมาณไขมันในอาหาร เพราะหากน้องหมาน้ำหนักมากจนเกินไป ก็อาจนำไปสู่ปัญหาด้านกระดูกข้อต่อในอนาคตได้ครับ


ราคา: 8,000 - 50,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: เยอรมันเชพเพิร์ด The Seasons Kennel

 

6. เชาเชา (Chow Chow)


ปิดท้ายกันที่หมีใหญ่ตัวเบิ้มขนฟูอย่าง ‘เชาเชา’ สุนัขที่มีต้นกำเนิดยาวนานจากมองโกเลีย เหมาะกับเป็นน้องหมาเฝ้าบ้าน ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้นหันหลังหนีแน่นอน อย่างไรก็ตามเชาเชาเองไม่ได้มีความดุร้ายหรือเกรี้ยวกราด หากแต่เป็นหมาที่รักความสงบ ชอบอยู่นิ่งๆ และชอบอิสระทำตามใจตัวเอง ปัจจุบันถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์หมาใหญ่ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากเลยล่ะครับ


ลักษณะทั่วไป

  • มีขนหนา 2 ชั้น

  • มีลิ้นสีเทาน้ำเงินหรือเทาม่วง ซึ่งพบได้ในเชาเชาเท่านั้น

  • มีอายุยาวนานได้ถึง 15 ปี

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • รักอิสระ ชอบเดินเตล็ดเตร่เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว

  • ไม่ค่อยกระตือรือร้นวิ่งเล่นมากนัก สามารถเลี้ยงในบ้านพักแบบปิดได้

  • สามารถเข้ากับเด็กได้ดี

  • รักเจ้าของ ชอบได้รับความรักอยู่เรื่อยๆ

โรคที่ควรระวัง

  • แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับเชาเชาก็คือปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ อันเป็นผลมาจากน้ำหนักตัวที่เยอะ อย่างไรก็ตาม ขนที่ยาวปุกปุยนั้นต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เจ้าของควรหมั่นหวีขนสัปดาห์ละอย่างน้อย 2 ครั้ง รวมถึงทำความสะอาดส่วนอับชื้นบริเวณใบหน้าและดวงตาเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับผิวหนัง

อาหารที่เหมาะสม: วิธีให้อาหารที่พิเศษสำหรับเชาเชาคือการผสมน้ำลงไปในอาหารเล็กน้อย เพื่อให้การกลืนเป็นไปได้ง่ายขึ้น ไม่ดึงอากาศลงไปมากเกินจนเกิดอาการท้องอืด แต่อย่างไรก็ตามอาหารที่ให้เจ้าเชาเชาควรมีปริมาณโภชนาการที่เหมาะสม รวมถึงหมั่นสังเกตุอาการแพ้ทางผิวหนังของสุนัขให้ดี ควรเลือกอาหารพรีเมี่ยมสำหรับหมาพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะ และควรหลีกเลี่ยงโปรตีนจากสัตว์ทั่วไปที่ส่งผลให้เกิดการระคายเคือง เช่น ไก่หรือวัว

ราคา: 30,000 เป็นต้นไป

ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: Manju Chows เชาว์เชาว์

 

7. ดัลเมเชี่ยน (Dalmatian)



เจ้าสุนัขลายจุดสุดน่ารักสายพันธุ์นี้ ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับบ้านที่ต้องการเพื่อนเล่นสี่ขาและสุนัขเฝ้าบ้านไปในเวลาเดียวกัน ในความจริง สุนัขพันธุ์ดัลเมเชี่ยนถือว่ามีความเฟรนด์ลี่และขี้เล่น แต่มักจะเห่าเมื่อไม่พอใจ หรือเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีภัยอันตรายเข้ามาใกล้ตัว นั่นก็เป็นเพราะว่าในอดีต เจ้าลายจุดพันธุ์นี้เคยทำหน้าที่เป็นสุนัขป้องกันภัยคุกคามให้กับรถม้านั่นเอง รับรองว่าหมาตัวใหญ่พันธุ์นี้จะช่วยคุ้มครองบ้านของคุณได้แน่นอนครับ


ลักษณะทั่วไป

  • ลำตัวสูง แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่อ้วน

  • ตัวสีขาว มีลายจุดสีน้ำตาลหรือสีดำทั้งตัว

  • น้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • ขี้เล่น​ ซน และกระตือรือร้นตลอดเวลา

  • เฟรนด์ลี่ สามารถเข้ากับบ้านที่มีเด็กได้

  • พลังงานล้นเหลือ ต้องออกกำลังกายทุกวัน

  • มีความอดทน จะไม่เห่าพร่ำเพร่อ นอกจากว่าจำเป็นจริง ๆ

โรคที่ควรระวัง

  • โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Urinary Stone) เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นในน้องหมาสายพันธุ์ดัลเมเชี่ยล เบื้องต้นมักแสดงอาการมีเลือดปนในปัสสาวะ, กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และอยากอาหารน้อยลง โดยวิธีการป้องกันคือหมั่นให้น้ำที่สะอาดอย่างสม่ำเสมอ และต้องมั่นใจว่าอาหารที่ให้สุนัขนั้นมีสารอาหาร และวิตามินต่าง ๆ อย่างพอดี ไม่มากเกินไปจนทำให้เกิดผลึกนิ่วได้


อาหารที่เหมาะสม: เจ้าหมาลายจุดพันธุ์นี้เรียกได้ว่ามีความไฮเปอร์สุด ๆ มีความแอคทีฟ และวิ่งเล่นได้แทบทั้งวัน เพราะฉะนั้นสารอาหารที่เจ้าดัลเมเชี่ยนควรได้รับต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่น้อยไปจนทำให้น้องหมาเกิดภาวะขาดสารอาหาร โดยเน้นไปที่อาหารโปรตีนสูง รวมถึงมีคาร์โบไฮเดรต และไขมันดีในเปอร์เซ็นต์ที่สมดุล


ราคา: 7,000 - 20,000 บาท


 

8. ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)



หากพูดถึงตำนานสายพันธุ์สุนัขของไทย แน่นอนว่าทุกคนต่างต้องนึกถึงเจ้าหมาขนสั้น ร่างกายกำยำ มีกรามที่เเข็งแรง ที่ใครเห็นก็เป็นต้องยำเกรงอย่างเจ้า ‘หมาพันธุ์ไทยหลังอาน’ โดยสุนัขพันธุ์ใหญ่ตัวนี้ถือว่าอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ชาวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘หมาพราน’ ที่จะคอยออกล่าหาอาหารไปพร้อม ๆ กับนายพราน โดยปัจจุบันหมาใหญ่พันธุ์นี้ก็ถูกยกให้เป็น ‘สุนัขประจำชาติ’ ของไทยอีกด้วยล่ะครับ


ลักษณะทั่วไป

  • ใบหน้าและลิ้นมีสีดำ หูตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยม

  • หางเรียวยาวคล้ายดาบ หรือที่เรียกกันว่า ‘หางดาบ’

  • หลังอานอย่างเห็นได้ชัด

  • ขนสั้นเรียบ เงางาม

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • แข็งแรง ร่างกายทนต่อสภาพอากาศที่แตกต่างได้ดี

  • เต็มเปี่ยมไปด้วยสัญชาตญาณนักล่า

  • รักและจงรักภักดีกับเจ้าของ

  • ตื่นตัวตลอดเวลา พร้อมเห่าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล

โรคที่ควรระวัง

  • โรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น โรคเรื้อน เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้มีขนที่เรียบเตียน ทำให้เพิ่มการสัมผัสกับพื้นผิวมากขึ้น นอกจากนั้นแนะนำให้เจ้าของใส่ใจเรื่องเห็บ หมัด ซึ่งมักจะมาจากสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย อาจเป็นพาหะไปสู่โรคพยาธิเม็ดเลือดได้ครับ


อาหารที่เหมาะสม: อาหารที่เหมาะสมสำหรับหมาไทยหลังอาน คืออาหารสุนัขที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโภชนาการจากแหล่งคุณภาพดี หนึ่งข้อผิดพลาดที่หลาย ๆ บ้านมักทำโดยไม่รู้ตัวคือการให้อาหารมนุษย์แก่สุนัข โดยเฉพาะเหล่าสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะเชื่อว่าหมาพันธุ์นี้แข็งแรง อยู่ง่ายกินง่าย แต่ในความจริงแล้วการให้อาหารมนุษย์คือสิ่งต้องห้ามของน้องหมาทุกสายพันธุ์ เพราะอาจทำให้สุนัขขาดสารอาหาร หรือได้รับอาหารต้องห้ามมากเกินไป จนอาจทำให้สุนัขมีอายุขัยที่สั้นลงได้ในที่สุด


ราคา: 5,000 - 30,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: ไทยหลังอาน บ้านสุขสันต์

 

9. อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย (American Pitbull Terrier)


มาต่อกันที่สุนัขเฝ้าบ้านสายพันธุ์ดีที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ แต่หากได้รับการฝึกฝนดี ๆ ก็สามารถเป็นสมาชิกที่น่ารักของครอบครัวได้เช่นกันนะครับ หลาย ๆ ครั้งภาพลักษณ์ของหมาพันธุ์พิทบูลโดนโจมตีในทางที่ไม่ดีนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการเลี้ยงและการฝึกหมาพันธุ์พิทบูลอย่างถูกต้อง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พิทบูลเป็นหมาเฝ้าบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่ทำร้ายมนุษย์หากไม่จำเป็น แถมสุนัขพันธุ์พิทบูล ยังถือว่าเป็นน้องหมาหน้าย่นน่ารักน่าขยำมาก ถ้าตัดชื่อเสียงเรื่องความดุร้ายออกไป จะเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเฉิ่มและซื่อบื้อ ถ้ารับน้องไปเลี้ยงรับรองมีเรื่องให้หัวเราะในความเฉิ่มของน้องทุกวันแน่นอน


ลักษณะทั่วไป

  • ตัวแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ขนสั้นเตียนติดลำตัว

  • ขากรรไกรใหญ่และแข็งแรง

  • ใบหูมีขนาดเล็ก อาจตั้งหรือลู่ลง

  • น้ำหนักประมาณ 14 - 40 กิโลกรัม

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • ซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อเจ้าของมาก

  • มีสัณชาตญาณนักสู้ พร้อมลุยในทุกโอกาส

  • มีความอดทนสูง ว่ากันว่ายอมตายแทนเจ้าของได้เลยล่ะ

  • พลังงานล้นเหลือ ต้องการการออกกำลังกายมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่น

  • จำเป็นต้องได้รับการใส่ใจ และฝึกฝนอย่างถูกต้อง

โรคที่ควรระวัง

  • โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper Virus) เช่นเดียวกับน้องหมาเฝ้าบ้านพันธุ์อื่น หมาตัวใหญ่อย่างพิทบูลถูกแนะนำให้เลี้ยงแยกออกจากบ้าน ควรมีพื้นที่เป็นกรงส่วนตัวขนาดกำลังดี ทำให้อาจเกิดการติดเชื้อไข้หัดสุนัขง่ายขึ้น เพราะเชื้อไวรัสมักลอยมาในอากาศ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนตั้งแต่เจ้าตูบอายุยังน้อย


อาหารที่เหมาะสม: แน่นอนว่าด้วยสภาพร่างกายสุดกำยำของพิทบลู ทำให้เขาต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ เจ้าของควรเลือกอาหารสูตรพรีเมี่ยมสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะ ซึ่งอาหารก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการฝึกหมาพันธุ์พิทบลู เจ้าของควรฝึกให้น้องมีพื้นฐานความอดทน การรอ และทำตามคำสั่งตั้งแต่เด็ก โดยใช้จานอาหารเป็นตัวหลอกล่อ แต่ต้องมั่นใจว่าจะไม่ทำให้เจ้าตูบหิวโหยมากเกินไป เพราะนั่นอาจทำให้เค้าไม่พอใจและมีอารมณ์ฉุนเฉียวได้ครับ


ราคา: 6,000 - 40,000 บาท




 

10. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)



ถ้าพูดถึงหมาพันธุ์ใหญ่ใจดี ก็คงต้องมีชื่อเจ้า ‘โกลเด้น’ ติดโผเข้าไปแน่ ๆ เพราะสุนัขพันธุ์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ถือว่าเป็นหนึ่งในหมาพันธุ์ใหญ่ที่ครองใจคนไทยมากที่สุด มีความใจดี และเข้ากันได้กับทุกคนในครอบครัว ก็ทำให้ใคร ๆ ก็ต่างหลงรักในความน่าซุกซนของโกลเด้น แต่ขณะเดียวกันก็สามารถช่วยเฝ้าบ้าน และเป็นพี่เลี้ยงที่ดีกับเด็กเล็กได้ด้วยครับ วิธีดูแลหมาพันธุ์โกลเด้นก็ไม่อยากเลยครับ แค่ต้องมีเวลาให้น้องเยอะๆ เพราะสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทริฟเวอร์เป็นสุนัขที่ติดคนมาก น้องจึงขี้อ้อนเป็นพิเศษ


ลักษณะทั่วไป

  • ขนยาวหนา สามารถกันน้ำได้ดี (ทำให้เจ้าโกลเด้นชอบว่ายน้ำสุด ๆ )

  • หูตก แนบกับลำตัว ดวงตากลมโต สีดำ

  • น้ำหนักโดยเฉลี่ย 25 - 35 กิโลกรัม

  • สีทั่วไป คือสีครีมอ่อนและสีครีมเข้ม

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ใจดี เข้าได้กับทุกคน

  • กระตือรือร้น พร้อมออกไปวิ่งเล่นตลอดเวลา

  • เชื่อฟังเจ้าของ สามารถสอนทริคต่าง ๆ ได้

  • เข้ากับเด็กเล็กได้ดี มีความสุภาพ อ่อนโยน

โรคที่ควรระวัง

  • โรคภูมิแพ้ (Allergies) เนื่องจากสุนัขพันธุ์โกลเด้นมีขนที่ยาวสรวย ก็มักจะเจอกับปัญหาแพ้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว จนทำให้เกิดภาวะขนร่วงผิดปกติได้ โดยปัจจัยหลักมาจากสารเคมี อาหาร และสิ่งกระตุ้นการแพ้ อย่างเช่น เกสรดอกไม้ เจ้าของควรหมั่นสังเกตุอาการผิดปกติของน้องหมา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ที่รุนแรงได้


อาหารที่เหมาะสม: น้องหมาพันธุ์โกลเด้นควรได้รับสารอาหารที่เหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวัน สิ่งที่สำคัญมากคือคุณภาพของอาหาร อย่างที่บอกไปว่าน้อง ๆ พันธุ์นี้มักเจอปัญหาภูมิแพ้จากอาหาร เจ้าของควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของเศษอาหารแปรรูป ซึ่งมีสารอาหารไม่เพียงพอ เพราะในระยะยาวอาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ เรื้อรังได้ครับ


ราคา: 5,000 - 60,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: ฟาร์มสุนัขโกลเด้น Golden Future

 

11. เกรดเดน (Great Dane)


สุนัขพันธุ์ ‘เกรดเดน’ ถูกยกให้เป็นหมาตัวสูงที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมัน โดยเริ่มแรกถูกพัฒนามาเพื่อทำหน้าที่ล่าหมูป่า และตอนนี้ในประเทศไทยก็มีฟาร์มเพาะพันธุ์เฉพาะที่ได้รับมาตรฐานยืนยันจากนานาชาติ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่รับรองว่าจะเป็นยามเฝ้าบ้านได้ดีเกินคาดเลยเชียว เพราะใครเห็นขนาดที่สูงใหญ่ของหมาขายาวพันธุ์นี้แล้วละก็ คงต้องคิดดี ๆ ก่อนจะเข้ามาแล้วล่ะครับ


ลักษณะทั่วไป

  • โครงสร้างใหญ่ สูงอย่างน้อย 71 ซม. และน้ำหนักต่ำสุดอยู่ที่ 45 กิโลกรัม (อาจสูงได้ถึง 1 เมตรเลยนะ)

  • หูสามเหลี่ยมพับลง ร่างกายแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ

  • มีหลายสี อย่างเช่น สีดำ, สีเมเทิล, สีลูกวัว, สีน้ำเงิน ฯลฯ

  • อายุเฉลี่ย 6 - 10 ปี (ถือว่าสั้นกว่าสุนัขใหญ่สายพันธุ์อื่น)

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • ฝึกง่าย เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของ

  • ขี้เล่น ชอบหยอกล้อเล่นซน

  • ถึงเเม้จะตัวใหญ่ แต่ก็สามารถเข้ากับเด็กได้ดี

  • ควรได้รับการออกกำลังกายทุกวัน ฉะนั้นบ้านไหนคิดอยากเลี้ยง ต้องแน่ใจว่าจะมีพื้นที่กว้างพอให้พวกเขาวิ่งเล่นได้นะครับ

  • เห่าเสียงดัง เมื่อรู้สึกว่ากำลังมีภัยอันตรายเข้ามาใกล้ตัว

โรคที่ควรระวัง

  • โรคข้อเข่าเสื่อมในสุนัข (Osteoarthritis) เป็นโรคที่มักเจอในสุนัขพันธุ์นี้เมื่อมีอายุที่มากขึ้น เป็นผลมาจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ที่ส่งผลให้เกิดอาการข้อเสื่อม สามารถป้องกันตั้งแต่แรกได้โดย ข้อหนึ่งเลือกฟาร์มที่ได้มาตรฐาน เชื่อมั่นได้ในความสมบูรณ์ของสายพันธุ์ และข้อสอง เลือกอาหารที่ให้คุณค่าโภชนาการครบถ้วน มีวิตามิน และสารอาหารที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคดังกล่าวได้


อาหารที่เหมาะสม: อาหารถือเป็นปัจจัยสำคัญมากในการเจริญเติบโตของหมาพันธุ์เกรดเดน เพราะด้วยสรีระที่สูงใหญ่ เจ้าตูบพันธุ์นี้จึงต้องการพลังงานที่มากกว่าปกติ ควรมีการแบ่งออกเป็นมื้อเล็ก ๆ ระหว่างวัน และต้องแน่ใจว่าอาหารมีปริมาณโปรตีนที่สูงพอ รวมไปถึงคาร์โบไฮเดรต และไขมันดีต้องอยู่ในประมาณที่พอเหมาะพอดี


ราคา: 8,000 - 100,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับโครงสร้าง และสายเลือด)


ฟาร์มสุนัขในไทยแนะนำ: Bless KD Great Dane Thailand บ้านน้อยของ เกรทเดน

 

12. ลาบาร์ดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)


ฉายาของสุนัขพันธุ์นี้คือ ‘หมาใหญ่หัวใจน่ารัก’ ก็เพราะว่าภายนอกนั้นดูยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม แต่จริง ๆ คือเจ้าตูบพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ นั่นจิตใจอ่อนไหวสุด ๆ แถมยังใจดี ขี้เล่น มีความฉลาดเฉลียว เชื่อฟังคำสั่งเจ้าของได้อย่างเป็นอย่างดี จนได้รับคัดเลือกเป็นสุนัขช่วยเหลือคนพิการ (Service Dog) รวมไปถึงทำหน้าที่เป็นหมาตำรวจค้นหายาเสพติดในหลาย ๆ ประเทศด้วยล่ะครับ


ลักษณะทั่วไป

  • โครงสร้างลำตัวใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 24-36 กิโลกรัม

  • ขนสั้น หนา มักมีสีดำ สีเหลืองครีม และสีช็อกโกแลต

  • รูปร่างสมส่วน มัดกล้ามเนื้อชัดเจน

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • มีความฉลาด เข้าใจคำสั่งได้อย่างง่ายดาย

  • ขี้สงสัย ชอบวิ่งเล่นสำรวจรอบบ้าน

  • เป็นมิตรและสุภาพ เข้าหาคนอย่างเนิ่บ ๆ

  • ชอบเข้าสังคม เจอเพื่อนสี่ขาใหม่ ๆ

โรคที่ควรระวัง

  • โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) เป็นอาการที่มักเกิดในหมาตัวใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยที่หลากหลาย เช่น กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม และอาหาร โดยอยู่ดี ๆ น้องหมาจะแสดงอาการขาหลังไม่มีแรง ลุกนั่งลำบาก รุนแรงไปจนถึงอาการอัมพาตจนไม่สามารถลุกเดินได้ ในส่วนของการรักษาส่วนใหญ่จะเน้นการทำกายภาพบำบัด หรือผ่าตัดร่วมกับทานยา


อาหารที่เหมาะสม: สาเหตุหนึ่งของโรคข้อสะโพกเสื่อมมาจากการละเลยใส่ใจเรื่องอาหารให้แก่เจ้าตูบ หากเจ้าของเลือกให้อาหารทั่วไปที่มีคุณค่าโภชนาการต่ำ ก็อาจทำให้เกิดความไม่สมดุลในสารอาหาร จนสุดท้ายเกิดเป็นปัญหาทางโครงสร้างของร่างกายในระยะยาวได้ เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้เลือกอาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยมสำหรับสุนัขสายพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของเจ้าตูบ


ราคา: 5,000 - 50,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: ฟาร์ม GREEN-CORNER

 

13. อเมริกัน บลูด็อก (American Bulldog)



อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ดูเหมือนจะดุ แต่ก็รักและเชื่อฟังเจ้าของสุด ๆ นั่นก็คือ ‘อเมริกัน บลูด็อก’ จุดเริ่มต้นของหมาพันธุ์ใหญ่ขนสั้นตัวนี้เริ่มมากจากประเทศอังกฤษ จากนั้นถูกนำเข้าไปพัฒนาสายพันธุ์ในอเมริกา โดยนิสัยของเจ้าตัวนี้คือมีความรักและซื่อสัตย์ เฟรนด์ลี่ ขี้เล่นสุด ๆ แต่ไม่ใช่กับคนแปลกหน้านะครับ เพราะเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกถึงภัยคุกคาม จะพร้อมลุยทันที ถือว่าเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดีมาก ๆ สายพันธุ์หนึ่งเลยล่ะครับ


ลักษณะทั่วไป

  • ร่างกายแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ

  • อาจมีน้ำหนักถึง 58 กิโลกรัม

  • มีขากรรไกรที่แข็งแรงมาก

  • ขนสั้นเตียนติดลำตัว

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • เฟรนด์ลี่ ขี้เล่น และซื่อสัตย์

  • กระตือรือร้น ชอบวิ่งเล่นออกกำลังกาย

  • สามารถปกป้องสมาชิกในครอบครัวได้ดี (ถูกเรียกว่าเป็น Loyal Family Dog)

โรคที่ควรระวัง

  • โรคเกี่ยวกับปัญหาการหายใจต่าง ๆ (Respiratory Disease) ต่อให้เจ้าอเมริกัน บลูด็อกเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ก็จริง แต่ยังมีรูปทรงจมูกที่สั้น จนอาจนำไปสู่ปัญหาการหายใจไม่ต่างกับสุนัขพันธุ์เล็กอย่าง เฟรนช์ บลูด็อก และปั๊ก ดังนั้นในการออกกำลังกายแต่ละครั้ง เจ้าของต้องสังเกตุอาการของน้องหมา และหมั่นเตรียมน้ำสะอาดไว้สำหรับลดอุณหภูมิในร่างกายเสมอ


อาหารที่เหมาะสม: ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟ สุนัขพันธุ์อเมริกัน บลูด็อก ควรได้รับอาหารที่มีคุณภาพสูตรเฉพาะสำหรับสุนัขสายพันธุ์ใหญ่คุณภาพสูง เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าตูบจะได้รับสารอาหารครบถ้วน แข็งแรง สมบูรณ์ พร้อมทำหน้าที่ยามเฝ้าบ้านฝีมือดีให้คุณได้


ราคา: 40,000 - 100,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับโครงสร้าง และสายเลือด)

 

14. เซนต์เบอร์นาร์ด (Saint Bernard)



‘เซนต์เบอร์นาร์ด’ น้องหมาพันธุ์ใหญ่ขนยาว ที่เรียกว่าทั้งตัวใหญ่และน่าเกรงขาม จนใครเห็นเป็นต้องถอยหลังกลับ แต่ในความจริงแล้ว นี่คืออีกหนึ่งสายพันธุ์หมาใหญ่ใจดีที่น่ารักและน่าเลี้ยงสุด ๆ เจ้าของหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นิสัยของหมาพันธุ์นี้ช่างแตกต่างกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง เพราะเซนต์เบอร์นาร์ดนั้นมีความอ่อนโยน เฟรนด์ลี่ มีความอดทน จนได้รับการยกย่องให้เป็นสุนัขประจำชาติของสวิสเซอร์แลนด์เลยล่ะครับ


ลักษณะทั่วไป

  • หางตาตก หูพับลงแนบใบหน้า

  • มีทั้งสายพันธุ์ขนยาวและขนสั้น

  • น้ำหนักโดยเฉลี่ย 54 - 81 กิโลกรัม และอาจสูงได้ถึง 1 เมตร

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • เรียบร้อย น่ารัก อ่อนโยน

  • เป็นมิตรกับคนในครอบครัว

  • สามารถเข้ากับเด็กได้ มีความอดทน เป็นเหมือนพี่คนโต

  • ต้องการการออกกำลังกายปานกลาง เช่นเดินเล่นในสวนวันละ 30 - 60 นาที

โรคที่ควรระวัง

  • โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) ไม่ต่างกับหมาพันธุ์ใหญ่อื่น ๆ เซนต์เบอร์นาร์ดมีน้ำหนักตัวมาก ซึ่งอาจทำให้สะโพกหรือกระดูกข้อต่อต่าง ๆ รับน้ำหนักมากจนเกินไป เจ้าของควรป้องกันโดยการพาน้องไปออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ และเลือกให้อาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอดี รวมถึงควรระวังเรื่องพื้นที่ลื่น เพราะอาจทำให้เกิดการลื่นล้มจนกระดูกหักได้


อาหารที่เหมาะสม: ข้อควรระวังที่สำคัญสำหรับสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด คือควรได้รับอาหารในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป เพราะบางคนอาจะเข้าใจว่าหมาตัวใหญ่ ก็ต้องกินอาหารเยอะตามไปด้วย แต่ด้วยนิสัยของเจ้าตูบพันธุ์นี้ที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นมากเท่าไหร่ ก็ควรควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม เพื่อป้องการปัญหาน้ำหนักเกิน และโรคเกี่ยวกับข้อต่อที่อาจขึ้นตามมาได้


ราคา: 15,000 - 100,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับโครงสร้าง และสายเลือด)


 

15. ทิเบตันมาสทิฟฟ์ (Tibetan Mastiff)


มาถึงหมาพันธุ์ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ‘ทิเบตันมาสทิฟฟ์’ กันบ้าง หากบ้านไหนกำลังมองหาน้องหมาเฝ้าบ้านที่ทั้งดุและน่าเกรงขาม ต้องห้ามมองข้ามสุนัขสิงโตตัวนี้เลยล่ะครับ ย้อนไปในอดีต..น้องหมาพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากทิเบต เชื่อว่าเป็นสุนัขศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เป็นที่นิยมมากในประเทศจีน แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการเลี้ยงที่แพร่หลายมากขึ้น แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าสุนัขพันธุ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความพร้อมทั้งด้านการเงิน, สถานที่ และเวลา เนื่องจากเป็นสุนัขตัวใหญ่มาก ทำให้ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ


ลักษณะทั่วไป

  • ขนฟูคล้ายสิงโต

  • กะโหลกใหญ่ กล้ามเนื้อแน่น

  • น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 60 - 70 กิโลกรัม

  • อาจมีอายุยาวนานได้ถึง 18 ปี

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • ซื่อสัตย์ต่อผู้เลี้ยงเอาซะมาก ๆ

  • มีความจงรักภักดี พร้อมปกป้องเจ้าของ

  • หวงถิ่น ดุเมื่อเจอคนแปลกหน้า

  • ต้องการพื้นที่วิ่งเล่นมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ

โรคที่ควรระวัง

  • โรคช่องปากหรือโรคปริทันต์ (Periodontal Disease) เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับน้องหมาพันธุ์นี้ เกิดจากคราบน้ำลายที่สะสมไปด้วยแบคทีเรีย พัฒนาเป็นคราบพลัค จนกลายเป็นหินปูนทำให้อวัยวะภายในปากอักเสบได้


อาหารที่เหมาะสม : อาหารที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์นั้นควรจะเป็นอาหารโปรตีนสูงพรีเมี่ยมจากธรรมชาติ 100% เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่มักเกิดขึ้นกับสุนัขพันธุ์นี้จนทำให้เกิดภาวะขนร่วง และที่สำคัญควรใส่ใจในเรื่องคุณภาพของอาหารอย่างมาก เพราะสุนัขพันธุ์นี้ต้องการดูแลเอาใจใส่ในทุกด้าน เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของเจ้าตูบ


ราคา: 40,000 - 500,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับโครงสร้าง และสายเลือด)

 

16. อะกิตะอินุ (Akita Inu)


สำหรับใครที่เป็นสาวกน้องหมาสายพันธุ์ญี่ปุ่นก็คงจะต้องรู้จักเจ้าสุนัขดั้งเดิมจากเมืองอะกิตะของแดนปลาดิบซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการเป็นสุนัขล่าเนื้อ ด้วยสรีระที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ขนาดตัวที่ใหญ่แต่ยังคงความปราดเปรียว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่น่าเลี้ยงและเป็นที่นิยมจากความสง่างามของน้องหมาอะกิตะอินุ แถมยังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากหนังสุดซึ้งเรียกน้ำตาจากน้องหมาอันซื่อสัตย์ เรื่อง Hachi : A Dog’s Tale


ลักษณะทั่วไป

  • ใบหูตั้งตรงเป็นทรงสามเหลี่ยม

  • ขนยาวปานกลาง มีสีแดงและขาวแซมกันไป

  • มีขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ย 35 - 50 กิโลกรัม

  • อายุโดยเฉลี่ย 10 - 14 ปี

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • มีความเป็นผู้นำ ทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้ดีมาก

  • ค่อนข้างเป็นจ่าฝูง อาจดุใส่สุนัขตัวอื่นได้

  • รักและซื่อสัตย์กับเจ้าของ

  • ฉลาดแต่อาจมีความคิดเป็นของตัวเอง

โรคที่ควรระวัง

  • โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) มักเป็นอาการโรคปกติที่เกิดกับสุนัขที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างไรก็ตามสาเหตุของโรคอาจเป็นผลทางอ้อมจากพันธุกรรม แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการเลี้ยงอย่างเหมาะสม ส่งเสริมโภชนาการตามที่สายพันธุ์ต้องการ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเลี้ยงในบริเวณพื้นลื่นซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและกระตุ้นให้เกิดตัวโรคได้


อาหารที่เหมาะสม: เนื่องจากเจ้าอะกิตะอินุมีขนาดตัวที่ใหญ่และแข็งแรง จำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนในปริมาณที่มากกว่าปกติ โดยเฉพาะปริมาณโปรตีนและไขมันที่ควรคำนวณอย่างเหมาะสม ควรแบ่งออกเป็นวันละ 2 มื้อ แต่ต้องเน้นย้ำในเรื่องของ Well-Balanced Diet จากอาหารที่มีคุณภาพสูงและผลิตจากส่วนประกอบธรรมชาติไร้ซึ่งการปรุงแต่ง


ราคา: 50,000 บาทขึ้นไป

 

17. โอลด์ อิงลิช ชีปด็อก (Old English Sheep Dog)



หมาตัวใหญ่แต่ใจเป็นมิตร คือคำนิยามของสุนัขพันธุ์ ‘โอลด์ อิงลิช ชีปด็อก’ ที่ใคร ๆ เห็นก็ต้องอยากเข้าไปฟัดไปกอด ก็เพราะน้องมีขนที่ฟูยาวไม่ต่างกับตุ๊กตา และท่วงท่าที่ดูเป็นมิตร ใจดี อ่อนโยนกับมนุษย์ได้ง่าย เริ่มแรกมีการพัฒนาสายพันธุ์ที่ประเทศอังกฤษ​ หลังจากนั้นก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น โดยในประเทศไทยยังถือว่าเป็น Rare Breed ที่ยังไม่ค่อยเห็นบ่อยจนชินตา แต่รับรองว่าใครที่กำลังมองหาหมาตัวใหญ่ใจดีไว้เป็นสมาชิกในครอบครัว สายพันธุ์นี้คือคำตอบครับ


ลักษณะทั่วไป

  • ขนฟูยาว 2 ชั้น (เหมือนตุ๊กตาตัวยักษ์)

  • น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 45 กิโลกรัม

  • บางตัวอาจสูงได้ถึง 1 เมตร

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • สามารถเข้าได้กับทุกคนในครอบครัว

  • อ่อนโยน เข้ากับเด็กได้ดี

  • สามารถปกป้องบ้านได้

  • กระตือรือร้น ชอบเล่นซนเหมือนเด็ก ๆ

โรคที่ควรระวัง

  • โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Canine Hip Dysplasia) โรคยอดฮิตที่เจ้าหมาพันธุ์โอลด์ อิงลิช ชีปด็อกเองก็มักเจอ โดยต้นเหตุส่วนใหญ่เกิดจากกรรมพันธุ์เริ่มแรก และเมื่ออายุของเจ้าตูบมากขึ้น ความผิดปกติก็จะยิ่งเห็นชัดตาม เพราะฉะนั้นอย่ารีรอพบสัตวแพทย์ หากคุณเจ้าของเริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติเพียงเล็กน้อย


อาหารที่เหมาะสม: หากตัดสินใจเลี้ยงเจ้าตูบสายพันธุ์นี้ เจ้าของควรเลือกอาหารที่มีสารอาหารคุณภาพสูง ที่อุดมไปด้วยวิตามินจำเป็นเพื่อช่วยเรื่องขนยาวสรวย เพราะเราคงไม่อยากกวาดขนยาวยุ่งเหยิงที่ร่วงเต็มพื้นใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นการยอมลงทุนเลือกอาหารที่ดีกว่า ทำมาจากธรรมชาติ และไม่มีส่วนผสมของเศษอาหารเหลือทิ้งแปรรูป ก็จะทำให้ทั้งคุณและน้องหมาแฮปปี้ไปพร้อม ๆ กัน


ราคา: 40,000 - 100,000 บาท



 

18. บางแก้ว (Thai Bangkaew)




‘บางแก้ว’ หมาเฝ้าบ้านยอดฮิตของคนไทย เป็นหมาพันธุ์ที่มีความดุกับคนแปลกหน้า แต่กลับซื่อสัตย์กับเจ้าของแบบสุด ๆ มีหน้าตาหล่อเหลาเอาการ รูปร่างคล้ายสุนัขจิ้งจอกตัวยักษ์ที่ดูสง่างาม โดยบางแก้วมีจุดกำเนิดจากวัดบางแก้ว จังหวัดพิษณุโลกบ้านเรานี่เอง เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างหมาไทยบ้านกับสุนัขป่าหมาไน จนกลายหมาเป็นสุนัข ‘ไทยบางแก้ว’ อย่างที่นิยมเลี้ยงในทุกวันนี้


ลักษณะทั่วไป

  • น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 13 - 16 กิโลกรัม

  • ขนยาวปุกปุยทั่วตัว หางเป็นพวงเหมือนสุนัขจิ้งจอก

  • อุ้งเท้าหนาใหญ่ คอยาวกว่าหมาไทยทั่วไป

นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • ร่าเริง กระตือรือร้น ชอบเดินสำรวจรอบบ้าน

  • เชื่อฟังเจ้าของ สามารถสอนให้ทำตามคำสั่งได้

  • ซื่อสัตย์ และหวงเจ้าของ ใครมาทำร้ายเป็นไม่ได้

  • มีความกล้าหาญ สามารถดูแลบ้านได้เป็นอย่างดี

โรคที่ควรระวัง

  • โรคไข้หัด (Canine Distemper Virus) เป็นโรคทั่วไปที่ติดต่อได้ในสุนัข แต่เนื่องจากหลายบ้านมักเลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้วไว้นอกบ้าน อาจทำให้เปอร์เซ็นต์การติดโรคนี้สูงขึ้น โดยการแพร่กระจายของเชื้อจะผ่านระบบหายใจ ไวรัสอาจแพร่มาในอากาศ แต่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนตั้งแต่เจ้าตูบยังมีอายุน้อย


อาหารที่เหมาะสม: เพราะน้องหมาก็เหมือนกับคน ถ้าเรารักเขาก็ควรใส่ใจในเรื่องคุณภาพอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ อาหารสุนัขพรีเมี่ยมจากโปรตีนแมลงสำหรับสุนัขสายพันธุ์ใหญ่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะทำให้เจ้าของมั่นใจได้ว่าสุนัขพันธุ์บางแก้วจะได้รับพลังงานที่พอเหมาะ พร้อมวิ่งเล่นกับเจ้าของ และทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลบ้านได้อย่างเต็มที่


ราคา: 3,000 - 8,000 บาท


ฟาร์มหมาในไทยแนะนำ: คอกกมลชัยบางแก้ว


 

19. ไอริช วูล์ฟฮาวด์ (Irish Wolfhound)


ไอริช วูล์ฟฮาวด์นั้นจัดว่าเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่สูงที่สุดในโลก มีรูปร่างสง่างามและดูน่าเกรงขาม น้องหมาพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักในประเทศไอร์แลนด์ ในอดีตพวกเค้ามักถูกใช้ในสงคราม รวมถึงใช้เพื่อล่าหมาป่าและกวาง จึงเป็นที่มาของ ‘วูล์ฟฮาวด์’ นั่นเองครับ แม้ภายนอกน้อง ๆ จะสูง ตัวใหญ่และดูน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วนิสัยน้อง ๆ นั้นตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์เลยครับ เพราะเป็นหมาที่ใจดี เป็นมิตร เข้าเด็ก ๆ ได้ดี ถ้าใครคิดจะเลี้ยงก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี มีความพร้อม เพราะเค้าตัวใหญ่ ต้องมีพื้นกว้างๆ ให้ อีกทั้งยังกินเยอะ ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษครับ 


ลักษณะทั่วไป 

  • ดวงตาเล็ก หูพับ หน้ายาวและแคบ หัวทรงโดม หน้าอกลึก

  • สูงประมาณ 76-89 เซนติเมตร

  • ขน 2 ชั้น ตรง ยาวและหนา  มีสีหลายเฉด เช่น สีริ้ว สีเทา สีดำ น้ำตาล สีขาว(สีหายาก)

  • อายุขัยเฉลี่ยระมาณ 6-8 ปี


นิสัยและไลฟ์สไตล์

  • ใจดี สงบ สุขุม และอ่อนโยน

  • ต้องการการออกกำลังกายประจำวัน แต่ไม่หนักเกิน  20 - 40 นาที/วัน

  • เข้ากับคนในครอบครัวได้ดี ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้สูงวัย

  • คล่องแคล่ว ว่องไว มีความอดทนสูง 


โรคที่ควรระวัง

  • โรค GDV (Gastric Dilatation-Volvulus): เพราะน้องหมาสายพันธุ์นี้มีนิสัยในการกินอาหารที่รวดเร็วและมีขนาดกระเพาะที่ใหญ่ จึงต้องมีการฝึกให้น้อง ๆ กินให้ถูกลักษณะและเลี่ยงกิจกรรมทั้งก่อนและหลังอาหารเพื่อป้องกันอาการท้องอืด นอกจากนี้ก็ยังมีโรคอื่น ๆ ที่ควรระวังอย่างโรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) เพราะต้องรับน้ำหนักตัวขนาดใหญ่และโรคหัวใจ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ การทำงานของหัวใจก็หนักขึ้นตามครับ 


อาหารที่เหมาะสม: สุนัขสายพันธุ์ไอริช วูล์ฟฮาวด์จำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูงที่ช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและสุขภาพโดยรวม และสารอาหารอื่น ๆ ที่ช่วยในการรักษาข้อและกระดูก ที่สำคัญเจ้าของควรแบ่งอาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ หลายมื้อต่อวัน เพื่อป้องกันอาการท้องอืด จากนิสัยการกินอาหารที่รวดเร็วของน้อง ๆ ด้วยนะครับ  


ราคา:  45,000 - 100,000  บาท


 

20. นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland)


หมาใหญ่ใจดีอีกรายที่คุณจะหลงรัก แม้น้องหมานิวฟาวด์แลนด์จะตัวใหญ่ ล่ำบึ้ก จนดูน่ากลัว แต่จริง ๆ เป็นสายพันธุ์สุนัขที่ใจดีและเป็นมิตรอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นนักระวังภัยชั้นเยี่ยม เพราะน้อง ๆ มักจะคอยสอดส่องและปกป้องเจ้าของอยู่ตลอด ๆ นอกจากนี้นิวฟาวด์แลนด์นั้นถือว่าขึ้นชื่อในกลุ่มสุนัขกู้ภัยทางน้ำ เพราะเท้าเค้ามีพังผืด ที่ช่วยในการว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว มีหางที่มีความแข็งแรงเหมือนกับหางเรือเสือ รวมไปถึงขนที่หนาและกันน้ำได้ดีอีกด้วย บอกเลยว่า หากเจ้าของและน้อง ๆ ไปเล่นน้ำด้วยกัน น้องคงว่ายติดกับพ่อ ๆ แม่ๆ แจด้วยความเป็นห่วงแน่นอน 


ลักษณะทั่วไป

  • สูงประมาณ 66-71 เซนติเมตร

  • ใบหน้าใหญ่ หูพับ เท้ากว้าง

  • ขนหนา ยาว ปุกปุย มีสีดำ สีขาว สีน้ำตาล สีเทา หรือเป็นสีผสม

  • อายุขัยเฉลี่ย ประมาณ 8-10 ปี