top of page
Search

สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล อาหาร วิธีเลี้ยง [พร้อมราคา]

Updated: Apr 30, 2023


ข้อมูลทั่วไปสำหรับสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล

บีเกิ้ล (Beagle​) สายพันธุ์สุดป๊อปในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การดมและจดจำกลิ่นได้เก่ง จนได้รับฉายาว่า สุนัขยอดนักดม พ่วงด้วยขนาดตัวกระทัดรัด ร่าเริง และแสนรู้ ทำให้พวกมันเป็นได้ทั้งคู่หูประจำครอบครัว และสุนัขใช้งาน โดยเฉพาะงานตำรวจ สายตรวจตาต่าง ๆ ซึ่งประเทศไทยก็มี ‘สุนัขตำรวจตรีลูก้า’ บีเกิลตรวจการณ์ประจำสำนักตำรวจแห่งชาติอีกด้วย


สำหรับทาสหมาคนไหนที่สนใจเลี้ยงหมาพันธุ์บีเกิ้ล วันนี้ Yora Thailand ได้รวบรวมทุกเรื่องน่ารู้ก่อนเลี้ยงสายพันธุ์นี้ มาฝากทุกคนในบทความนี้แล้ว มาเริ่มที่ประวัติที่มาของสายพันธุ์บีเกิ้ลกันเลย



 

ประวัติของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล

บีเกิ้ล มีต้นกำเนิดมาจากสหราชอาณาจักร ประเทศอังกฤษ โดยถูกจัดเป็นสุนัขล่าสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งสืบทอดเชื้อสายมาจากทัลบอต (Talbot) ในช่วงยุคกลาง โดยปรากฏครั้งแรกบนวรรณกรรมของยอดกวี วิลเลียม เชกสเปียร์ แถมยังเป็นสัตว์เลี้ยงประจำราชวงศ์ ในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 และควีนอลิซาเบธที่ 1 อีกด้วย


ต่อมาหมาบีเกิ้ลถูกเผยแพร่ไปยังดินแดนอังกฤษใหม่ สหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่นิยมในหมู่นายพรานเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับการเพาะพันธุ์อย่างเป็นทางการในช่วงปี 1880 โดยผู้เชี่ยวชาญ และได้รับการจดทะเบียนสายพันธุ์โดยสมาคม American Kennel Club (AKC) ในปี 1885


ปัจจุบัน บีเกิ้ลยังคงเป็นสุนัขใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในแง่ของสุนัขดมกลิ่น หรือสุนัขตรวจตราต่าง ๆ ตามสนามบิน เขตชายแดน และในงานหาสารเสพติดต่าง ๆ เช่นกัน


ลักษณะนิสัยสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล



บีเกิ้ล เป็นอีกสายพันธุ์ที่เป็นมิตร ขี้เล่น รักความสนุกไม่แพ้สายพันธุ์อื่น ๆ แถมยังเข้าขากับเด็กได้ดี พวกมันจึงเป็นสายพันธุ์ที่นิยมในครอบครัวต่าง ๆ และสามารถเลี้ยงคู่กับสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย อีกลักษณะนิสัยสำคัญของบีเกิ้ล คือพลังงานแสนล้นเหลือของพวกมัน ซึ่งบีเกิ้ลเป็นหมาที่ชอบเข้าสังคมมากเป็นพิเศษ แถมยังติดดื้อรั้นหน่อย ๆ ตามประสาหมารักสนุก ดังนั้นเจ้าของต้องมีเวลาในการเอาใจใส่ และหมั่นหาเทคนิคการปรับพฤติกรรมน้อง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งหากบีเกิ้ลถูกทิ้งไว้ลำพังเป็นเวลานาน จะนำไปสู่พฤกติกรรมก้าวร้าวได้


มาตรฐานสายพันธุ์เเละลักษณะทางร่างกายที่ดีสำหรับสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล

เมื่อเลือกซื้อลูกหมาบีเกิ้ล สิ่งที่คือต้องสังเกตุหลัก ๆ คือ รูปทรงหัว ขน และลักษณะนิสัย โดยหัวของบีเกิ้ลจะมีขนาดพอดีกับตัว ดูไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป มีลักษณะเป็นโดมตรงท้ายทอย กะโหลกตรงกลางมีขนสีขาว หน้าผากกว้าง หูยาวแนบชิดกับแก้ม ดวงตาสีดำน้ำตาลหรือน้ำตาลแดง โดยขนของบีเกิ้ลจะสั้น ประกอบไปด้วยสีขาว ดำ น้ำตาล ผิวหนังไม่มัน



ซึ่งนิสัยเด่น ๆ ของลูกหมาบีเกิ้ลทุกตัว จะมีความร่าเริง เป็นมิตร หากมองจากในคอกหลาย ๆ ตัวแล้ว ท่าทางเหมือนอยากกลับบ้านกับเราทุกตัว ซึ่งบีเกิ้ลที่ดี ควรไม่ขี้กลัว ไม่วิ่งเตลิด แต่ก็ไม่ควรไฮเปอร์จนเกินไป เพราะจะทำให้ฝึกนิสัยยากได้


โรคที่ต้องระวังในสุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล

บีเกิ้ลมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 12 - 15 ปี เช่นเดียวกับสุนัขสายพันธุ์ขนาดเล็กและปานกลางทั่วไป ซึ่งไม่ค่อยมีโรคประจำสายพันธุ์ให้น่าพะวงมากนัก แต่ก็ไม่ควรละเว้นและใส่ใจปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสายพันธุ์ ได้แก่


ข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip Dysplasia) ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ในสุนัขทุกตัว สามารถเกิดได้จากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ โดยอาการที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ การเคลื่อนไหวผิดปกติ อาการปวด ทรงตัวลำบาก

ลูกสะบ้าเคลื่อนหลุด (Patellar luxation) สามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งด้านในของลำตัว หรือด้านนอกของลำตัว ทำให้สุนัขเกิดอาการเจ็บที่ขา ซึ่งเบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากตาเปล่า โดยดูว่าท่าเดินของน้องหมาผิดปกติหรือไม่


ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถสร้างฮฮร์โมนจากต่อมไทรอยด์ได้ ส่งผลให้เมตาบอลิซึ่มในร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลทั้งในแง่ของระบบเผาผลาญ ผิวหนัง ขน และอาการเหนื่อยล้าง่าย ซึ่งต้องพบแพทย์เพื่อรักษาทางยา และวางแผนการดูแลในระยะยาว


จอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy : PRA) เป็นโรคที่พบ่อยเมื่อสุนัขเข้าสู่ช่วงวัยชรา สังเกตได้จากกระจกตาจะค่อย ๆ สีขุ่นขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการมองเห็นของสุนัข โดยโรคนี้ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายขาด และต้องควบคู่กับการวางแผนคุณภาพชีวิตให้ดีที่สุดเพื่อรับมือกับโรค


 


อาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล

หมาบีเกิ้ล แบ่งออกเป็น 2 ขนาด ได้แก่ บีเกิ้ลที่มีความสูงไม่เกิน 13 นิ้ว ซึ่งจะมีน้ำหนักมาตรฐานอยู่ที่ 9 กิโลกรัม และบีเกิ้ลที่มีความสูง 13 – 15 นิ้ว ซึ่งจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 9 – 15 กิโลกรัม โดยหมาบีเกิ้ลขึ้นชื่อว่ากินจุและอ้วนง่าย ทำให้การควบคุมปริมาณอาหาร โภชนาการ และปรับตารางการให้อาาร ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของหมาบีเกิ้ลทุกคน


อาหารสำหรับลูกสุนัขบีเกิ้ล 3 เดือนขึ้นไป

หลังจากหย่านมแม่แล้ว ควรจัดปริมาณอาหาร ให้เพียงพอต่อน้ำหนักและพลังงานที่บีเกิ้ลใช้ต่อวัน โดยคำนวณจาก ¾ ของน้ำหนักตัว * 70 จะได้ปริมาณแคเลอรีที่ใช้ต่อวัน โดยในช่วง 3 – 5 เดือนแรก ให้แบ่งออกเป็น 4 มื้อ และให้ขนมเล็กน้อยในการฝึกนิสัย และปรับเหลือ 3 มื้อในช่วง 5 เดือนขึ้นไป


อาหารสำหรับสุนัขบีเกิ้ล 12 เดือนขึ้นไป

เมื่อหมาบีเกิ้ลโตเต็มวัย ให้ปรับลดมื้ออาหารเหลือเพียง 2 มื้อต่อวัน ในปริมาณ 1 – 1½ ถ้วยต่อวัน โดยเน้นที่ปริมาณโปรตีน 30 – 40% ตามมาด้วยไขมันดี 15 – 20% และคาร์โบไฮเดรต 30 – 50% ของอาหารทั้งหมด ซึ่งบีเกิ้ลควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารแบบ Free Feeding หรือการให้อาหารสำรองไว้ และให้บีเกิ้ลแบ่งการกินของมันเอง ซึ่งบีเกิ้ลเป็นสายพันธุ์ที่กินจุ สามารถกินได้ตลอดเวลา โดยวิธีนี้อาจทำให้บีเกิ้ลอ้วนง่าย

อาหารสำหรับสุนัขบีเกิ้ลสูงวัย 7 ปีขึ้นไป

หมาบีเกิ้ลในวัยแก่ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญที่เสื่อมลง และนิสัยที่เชื่องช้า ขี้เกียจเคลื่อนไหวกว่าสมัยเด็ก ซึ่งทำให้ต้องลดปริมาณแคเลอรีในอาหารลงตามลำดับ โดยทางเราแนะนำอาหารหมาสำหรับบีเกิ้ลแก่อย่าง Yora สูตร Senior Dog ซึ่งเหมาะกับสุนัขแก่ที่ต้องการคุมน้ำหนัก ซึ่งประกอบไปด้วยโปรตีน 23% และโภชนาการต่าง ๆ ที่เหมาะแก่การบำรุงข้อกระดูกและบำรุงสายตา ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่ของสุนัขในวัยนี้





วิธีการดูแลสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล ตั้งแต่เป็นลูกสุนัขจนถึงโตเต็มวัย

การดูแลลูกสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล ช่วงอายุ 4-7 เดือน

ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกฝนและปรับพฤกติกรรมบีเกิ้ล ก่อนพาไปรู้จักกับสังคมและโลกภายนอก ซึ่งบีเกิ้ลที่ถูกปล่อยให้อยู่ลำพังเกินไป จะทำให้ซึมเศร้าและเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวได้ ในขณะที่การตามใจจนเกินไป จะทำให้บีเกิ้ลมีนิสัยไฮเปอร์และเอาแต่ใจตลอดเวลา ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของต้องให้ความรักอย่างถูกวิธี และฝึกการเข้าสังคมให้เหมาะสม และอย่าลืมที่จะพาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีน เพื่อวางแผนการเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง


การดูแลสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล อายุ 1 ปีขึ้นไป

หมาบีเกิ้ลโตเต็มวัย จะมีพลังงานที่ล้นเหลือ ชอบเข้าสังคมเป็นพิเศษ ทำให้การพาออกไปเดินเล่นเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการออกกำลังกายคือ 30 นาที – 1 ชั่วโมงต่อวัน และใช้ของเล่น เช่น ลูกบอล หรือเล่นดึงเชือกต่าง ๆ เพื่อฝึกวินัยและเพิ่มความเพลิดเพลินในช่วงเวลาเล่นของพวกมันให้มากขึ้น โดยบีเกิ้ล เป็นสุนัขขนสั้น การอาบน้ำเพียง 1 ครั้งต่อ 2 – 3 อาทิตย์ก็เพียงพอ และเน้นที่การเช็ดทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะส่วนของใบหูให้สะอาด


ราคาหมาพันธุ์บีเกิ้ล

เมื่อคุณคิดว่าหมาพันธุ์บีเกิ้ล คือหมาพันธุ์ที่ใช่สำหรับคุณแล้ว เรามาดูเรื่องราคากันดีกว่า ราคาสำหรับสุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล จะขึ้นอยู่กับกลุ่มขนาดตามมาตรฐานและแหล่งเพาะพันธุ์ ส่วนมากจะอยู่ที่ช่วงราคา 3,000 - 15,000 บาทขึ้นไป สำหรับคนที่ตัดสินใจแล้วว่าต้องการที่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ วันนี้ Yora ได้เตรียมลิสต์ฟาร์มในประเทศไทย ที่มีทั้งบีเกิ้ลราคาไม่เกิน 10,000 และทั้งบีเกิ้ลราคาแพง มาให้เพื่อน ๆ ได้ไปเลือกซื้อน้องมาเลี้ยงกันได้เลย


5 อันดับฟาร์มบีเกิ้ล ยอดนิยมในประเทศไทย


 

พอถึงตรงนี้แล้ว คงเห็นด้วยกันทั้งหมดว่า หมาบีเกิ้ล ถือเป็นสายพันธุ์ที่ครบจบ ทั้งความฉลาดล้ำ ทั้งด้านการดมกลิ่น นิสัยน่ารัก ร่าเริง ราคาไม่แรง เหมาะเป็นสุนัขประจำครอบครัวหลาย ๆ บ้าน ซึ่งเจ้าของที่เหมาะสมกับหมาบีเกิ้ลนั้น ควรเตรียมความพร้อมทั้งด้านการเอาใจใส่และมีเวลาสำหรับการออกกำลังกาย เพื่อตอบรับความต้องการด้านสังคมและพลังงานที่เหลือล้นของสุนัขสายพันธุ์นี้ ซึ่งสำหรับอาหารที่เหมาะกับหมากินจุอย่างบีเกิ้ลนั้น ทางเราขอฝาก Yora อาหารสุนัขนำเข้าจากประเทศอังกฤษ ส่วนผสมหลักจากโปรตีนแมลง ซึ่งให้แต่สารอาหารที่ดี เหมาะแก่การควบคุมน้ำหนัก ไว้ด้วยนะครับ



7,151 views0 comments
bottom of page