ข้อมูลทั่วไปสำหรับสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล
พุดเดิ้ล (Poodle) สุนัขอีกสายพันธุ์สุดฮิตของทาสหมาชาวไทยตลอดกาล ด้วยรูปร่างที่ได้สัดส่วน ขนหยิกปุยที่ไม่ว่าจะจับแต่ง หรือตัดทรงไหนก็ดูอินเทรนด์ไปซะหมด ปรับตัวในสิ่งสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ง่าย และที่สำคัญเจ้าหมาพุดเดิ้ลยังโดดเด่นในเรื่องของความฉลาดติดอันดับโลก และยังมีนิสัย น่ารัก ขี้เอาใจเจ้าของเป็นที่หนึ่งด้วย สำหรับทาสหมาคนไหนที่กำลังเล็ง ๆ อยากซื้อเจ้าหมาพุดเดิ้ลมาเลี้ยงสักตัว บทความนี้ถือเป็นอีกหนึ่งคู่มือที่จะแนะนำทุกเรื่องเกี่ยวกับพุดเดิ้ลได้เป็นอย่างดี ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลย
ประวัติของสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล
ถึงแม้หมาพุดเดิ้ลจะเป็นสายพันธุ์สุนัขประจำชาติฝรั่งเศส แต่แท้จริงแล้วพวกมันมีเชื้อกำเนิดมาจากเยอรมัน ประเทศเพื่อนบอกของฝรั่งเศส โดยคำว่า “พุดเดิ้ล (Poodle)” มาจากคำว่า “Pudel” หรือ “Puderlin” ที่หมายถึงการสาดน้ำ เพราะแต่เดิมพุดเดิ้ลถูกเพาะพันธุ์มาด้วยชื่อ “Water Retriever” เพื่อใช้งานเกี่ยวกับทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ในน้ำ หรือเก็บของต่าง ๆ บนผิวน้ำ ซึ่งขนหนาปุยของพุดเดิ้ลทำให้พวกมันลอยอยู่ในน้ำได้เป็นอย่างดี
ต่อมาหมาพุดเดิ้ลถูกนำไปใช้งานในคณะละครสัตว์ตามแต่ละประเทศ จนเป็นที่ถูกใจของชาวฝรั่งเศสชนชั้นสูง และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์อย่างแพร่หลายจนกลายมาเป็นสุนัขประจำชาติฝรั่งเศสจนทุกวันนี้ โดยพวกมันได้รับการจดทะเบียนสายพันธุ์โดย American Kennel Club เมื่อปี ค.ศ. 1887
ลักษณะนิสัยสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล
ความฉลาดของพุดเดิ้ลเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ตั้งแต่สมัยอดีตที่ถูกฝึกเพื่อล่าสัตว์ แสดงคณะละครสัตว์ต่าง ๆ จนกลายมาเป็นสุนัขประจำครอบครัวจนทุกวันนี้ เนื่องจากเจ้าหมาพุดเดิ้ลมีนิสัยเชื่อง ฝึกง่าย และมี IQ สูงที่สุดอันดับ 2 ของโลก (อ้างอิงจากสแตนลีย์ คอเรน นักจิตวิทยาสุนัข) แถมพวกมันยังขี้ประจบ ดูแลเจ้าของ แต่ในทางกลับกัน เจ้าหมาพุดเดิ้ล ต้องการความสนใจจากเจ้าของเป็นที่หนึ่งอีกด้วย ทำให้ในบางครั้งอาจจะมีนิสัยก้าวร้าว อารมณ์ร้อน เมื่อถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวนาน ๆ หรือไม่ได้รับความสนใจบ้าง เจ้าของจึงควรพาไปพบกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ เพื่อปรับพฤกติกรรมการเข้าสังคมตั้งแต่เด็ก
มาตรฐานสายพันธุ์เเละลักษณะทางร่างกายที่ดีสำหรับสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล
เมื่อเลือกซื้อสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล สิ่งที่คือต้องสังเกตุหลัก ๆ คือ ทรงหัว สัดส่วนร่างกาย และหางของพุดเดิ้ล โดยหมาพุดเดิ้ลที่สวยงามตามมาตรฐานส่วนใหญ่จะมีหัวกะโหลกที่กลม แก้มแบน มองจากหัวลงไปปลายจมูกจะเหมือนรูปหยดน้ำ มีใบหูกว้างหนา จมูกมีดั้งเล็กน้อย และมีสัดส่วนร่างกายสมส่วน คอยาวสง่า และหางของพุดเดิ้ลตั้งตรง ไม่ชี้ไปข้างหลังเวลาเดิน โดยตามมาตรฐานสายพันธุ์แล้ว พุดเดิ้ลจะถูกจำแนกออกเป็น 3 ลักษณะตามขนาดตัวได้แก่
พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle) เป็นหมาพุดเดิ้ลตัวใหญ่ น้ำหนักอยู่ที่ 20 - 30 กิโลกรัม
พุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) หมาพุดเดิ้ลขนาดกลาง น้ำหนักอยู่ที่ 12 - 14 กิโลกรัม
พุดเดิ้ล ทอย (Toy Poodle) หมาพุดเดิ้ลขนาดจิ๋ว น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม ซึ่งเป็นประเภทของพุดเดิ้ลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
แม้สุนัขสายพันธุ์ส่วนใหญ่จะมีขน 2 ชั้น แต่ขนของพุดเดิ้ลจะมีเพียงชั้นเดียวเท่านั้น ซึ่งมีตั้งแต่หยาบ หยิกปุย จนไปถึงลักษณะนุ่มเป็นคลื่น และมีหลากหลายสีมาก แต่สีที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ สีดำ ขาว เทา น้ำตาลเข้ม
โรคที่ต้องระวังในสุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ล
สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 12 - 15 ปี และในบางครั้งก็อายุยืนถึง 16-18 ปีเลยทีเดียว เนื่องจากพุดเดิ้ลเป็นสุนัขขนาดเล็ก หน้าแหลม ไม่ค่อยปัญหาสุขภาพที่น่าเป็นห่วงเหมือนสุนัขขนาดใหญ่ ใบหน้าสั้น สายพันธุ์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หมาพุดเดิ้ลมาพร้อม 3 โรคประจำตัวที่เจ้าของต้องหมั่นสังเกตุอาการและพาไปพบแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาดังนี้
โรคหัวใจ (Heart Disease) หมาพุดเดิ้ลส่วนใหญ่มักเป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด หรือพบเจอในวัยสูงอายุ เนื่องจากความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจตามลักษณะพันธุกรรม โดยอาการที่พบเจอคือ ไอ โดยเฉพาะตอนกลางคืน หอบ เหนื่อยง่าย โดยเจ้าของควรพาน้อง ๆ ไปพบแพทย์เพื่อวางแผนการใช้ยารักษาและดูแลอย่างใกล้ชิด
ต้อกระจก (Cataract) สังเกตได้จากความขุ่นมัวบนกระจกตาของหมาพุดเดิ้ล โดยสาเหตุเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัวต่าง ๆ สภาพแวดล้อม หรืออายุขัย ที่ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติโปรตีนภายในแก้วตาและเกิดการตกตะกอน โดยการรักษา ณ ปัจจุบันมี 2 ทางได้แก่ การใช้ยาหยอดตาเพื่อชะลอความเสื่อมของเลนส์ และผ่าตัดเลนส์ที่เป็นต้อกระจกออก
การเสื่อมของจอประสาทตา PRA (Progressive Retinal Atrophy) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นได้บ่อยในน้องหมาพุดเดิ้ล ซึ่งจะสังเกตุได้ในเวลากลางคืน พุดเดิ้ลจะเดินชนในที่มืด มองทางไม่เห็น เกิดจากการที่จอประสาทตาเสื่อม ทำให้ความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนถดถอยลง
อาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ล
เนื่องจากหมาพุดเดิ้ลมีถึง 3 ขนาด ไม่ว่าจะเป็นพุดเดิ้ล แสตนดาร์ด (Standard Poodle) พุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) และพุดเดิ้ลทอย (Toy Poodle) อาหารการกินจึงควรขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว การใช้พลังงาน ช่วงอายุของน้อง ๆ โดยโภชนาการสำคัญในแต่ละช่วงอายุของพุดเดิ้ลได้แก่
อาหารสำหรับลูกสุนัขพุดเดิ้ล 3 เดือนขึ้นไป
ในช่วงหย่านมแม่แล้ว ลูกหมาพุดเดิ้ลจะต้องการสารอาหารสำหรับการเจริญเติบโตในปริมาณมากกว่าช่วงโตเต็มวัย โดยปริมาณที่เหมาะสมคือ 80 - 110 กิโลแคเลอรี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็น 3 มื้ออาหาร และให้ขนมคบเคี้ยวระหว่างวัน โดยลูกสุนัขพุดเดิ้ลสามารถกินได้ทั้งอาหารเม็ด อาหารเปียกสำเร็จรูป โดยเน้นไปที่สูตรลูกสุนัข เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
อาหารสำหรับพุดเดิ้ล 12 เดือนขึ้นไป
เมื่อโตขึ้น ให้เจ้าของลดมื้ออาหารของหมาพุดเดิ้ลให้เหมาะสมตามขนาดตัวและลักษณะนิสัยการกินของน้อง ๆ โดยพุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) และพุดเดิ้ลทอย (Toy Poodle) ให้ลดเหลือ 2 มื้อต่อวัน ในขณะที่พุดเดิ้ล แสตนดาร์ด (Standard Poodle) ซึ่งมีความอยากอาหารน้อยกว่า ให้เพียง 1 มื้อต่อวันก็เพียงพอแล้ว โดยปริมาณสารอาหารที่เหมาะสมของพุดเดิ้ลโตเต็มวัยจะอยู่ที่ 70 - 90 กิโลแคเลอรี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
อาหารสำหรับพุดเดิ้ลสูงวัย 7 ปีขึ้นไป
สำหรับหมาพุดเดิ้ลสูงวัย ที่ใช้พลังงานน้อยลง และมี Metabolism ที่เสื่อมถอย จึงไม่จำเป็นต้องการอาหารแคเลอรีสูงเหมือนแต่ก่อน เจ้าของจึงควรลดปริมาณอาหารเหลือเพียง 60-80 กิโลแคเลอรี ต่อน้ำหนึ่ง 1 กิโลกรัมเท่านั้น และควรปรับมาใช้อาหารสูตร Senior Dog เพื่อโภชนาการอาหารที่ครบถ้วนในการบำรุงระบบร่างกายของน้อง ๆ และรักษาสมดุลในร่างกายให้แข็งแรงไปตลอดช่วงชีวิตของพุดเดิ้ล ซึ่งทางเรา Yora มีอาหารสูตรหมาแก่ Senior Dog ที่อุดมไปด้วยโปรตีนจากแมลง สารอาหารทางเลือกที่เผาผลาญง่าย บำรุงหัวใจ ขน และระบบร่างกายของพุดเดิ้ลแก่ให้แข็งแรง แถมยังดีต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ใส่วัตถุกันเสียอีกด้วย
วิธีการดูแลสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล ตั้งแต่เป็นลูกสุนัขจนถึงโตเต็มวัย
การดูแลลูกสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล ช่วงอายุ 4-7 เดือน
การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ถือเป็นเรื่องเรื่อง ๆ ในการดูแลลูกสุนัข ไม่ว่าจะเป็นหมาพุดเดิ้ล หรือสายพันธุ์ไหน ๆ โดยเจ้าของควรเตรียมสถานที่เลี้ยงดูที่โปร่งโล่ง มีที่นอน และที่ขับถ่ายเป็นสัดส่วน ให้ลูกพุดเดิ้ลหัดเรียนรู้ให้เป็นนิสัย และสิ่งสำคัญที่ตามมาได้แก่ ฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิ ซึ่งลูกสุนัขสามารถฉีดได้ตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไป
การดูแลสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลโตเต็มวัย อายุ 1 ปีขึ้นไป
เนื่องจากบรรพบุรุษของพุดเดิ้ลเป็นสัตว์ใช้งานมาก่อน ทำให้สัญชาตญาณของหมาพุดเดิ้ลส่วนใหญ่ชอบการออกกำลังกายเป็นพิเศษ โดยเจ้าของควรเลือกวิธีออกกำลังกายให้เหมาะกับขนาดตัว สภาพอากาศ และโรคประจำตัวของน้อง ๆ ซึ่งน้องพุดเดิ้ลที่เป็นโรคหัวใจอาจจะไม่เหมาะกับการออกกำลังกายหนัก เพราะจะทำให้เหนื่อยง่าย และกระตุ้นอาการหอบได้ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการออกกำลังกาย อยู่ที่ 30 นาทีต่อวัน
ต่อมาคือเรื่องของฟัน โดยพุดเดิ้ลเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีปัญหาเรื่องฟันบ่อยกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ การหมั่นแปรงฟันและอาหารเสริมบำรุงความแข็งแรงของฟันจึงเป็นสิ่งสำคัญ และอีกเรื่องที่สำคัญของพุดเดิ้ล คงหนีไม่พ้นเรื่องขน เนื่องจากเจ้าหมาพุดเดิ้ลมีขนหนา ปุย และง่ายต่อการพันกัน เจ้าของควรหมั่นอาบน้ำและเล็มขนน้อง ๆ ให้บ่อย ๆ และหมั่นแปรงขนทุกวัน เพื่อขนที่สวยและเงางามอยู่เสมอ
ราคาหมาพันธุ์พุดเดิ้ล
เมื่อคุณคิดว่าหมาพันธุ์พุดเดิ้ล คือหมาพันธุ์ที่ใช่สำหรับคุณแล้ว เรามาดูเรื่องราคากันดีกว่า ราคาสำหรับสุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ล จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และแหล่งเพาะพันธุ์พวกมัน ส่วนมากจะอยู่ที่ช่วงราคา 2,000 - 20,000 บาท สำหรับคนที่ตัดสินใจแล้วว่าต้องการที่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ วันนี้ Yora ได้เตรียม ลิสต์ฟาร์มในประเทศไทย ที่มีทั้งพุดเดิ้ลราคาไม่เกิน 5,000 และทั้งพุดเดิ้ลราคาแพง มาให้เพื่อน ๆ ได้ไปเลือกซื้อน้องมาเลี้ยงกันได้เลย
5 อันดับฟาร์มพุดเดิ้ล ยอดนิยมในประเทศไทย
พุดเดิ้ล สุนัขขนปุย แสนฉลาด ที่เป็นสุนัขแสนรักของคนทั่วโลกตลอดกาล หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้จบแล้ว ทาสหมาหลายคนน่าจะได้รู้จักพุดเดิ้ลมากขึ้นแน่นอน สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อพุดเดิ้ลน่ารัก ๆ มาเป็นคู่หูคู่ใจสักตัวแล้ว อย่าลืมเตรียมความพร้อม ทั้งด้านเวลา ด้านจิตใจ และปัจจัยอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของสุนัขหนึ่งตัวด้วย แถมเจ้าหมาพุดเดิ้ลยังเป็นสายพันธุ์ที่ขี้ประจบและต้องการความรักจากเจ้าของเป็นพิเศษอีก แน่นอนว่า Yora ก็เป็นอาหารสุนัขที่จะตอบโจทย์ทาสหมาที่อยากเลี้ยงพุดเดิ้ลมีขนสวย แสนแฮปปี้ แข็งแรงไปตลอดช่วงชีวิตได้แน่นอน ซึ่งอาหารสุนัขของเรานำเข้าจากประเทศอังกฤษ เกรด Holistic อุดมไปด้วยโปรตีนจากแมลง ซึ่งดีต่อสุขภาพกายและขนน้อง ๆ พุดเดิ้ลในระยะยาว แถมยังดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
