ข้อมูลทั่วไปสำหรับสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
น้องหมาปักกิ่ง (Pekingese) เป็นสุนัขสายพันธุ์เล็กที่มีเอกลักษณ์แสนโดดเด่น ด้วยขนยาวสลวย ใบหน้าสั้น และดวงตากลมโตแสนหวาน พร้อมท่าทางที่สง่างามและบุคลิกที่มั่นใจ พวกเขามักจะได้รับการยกย่องว่าเป็น “เจ้าหญิง” หรือ “เจ้าชาย” แห่งโลกของเจ้าตูบสี่ขา หมาปักกิ่งเป็นสุนัขที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการเลี้ยงในบ้าน ไม่ชอบกิจกรรมที่หนักเกินไป แต่รักความอบอุ่นจากครอบครัว ทำให้เป็นเพื่อนคู่ใจที่สมบูรณ์แบบสำหรับเจ้าของที่ชอบความสงบ ใครที่กำลังมองหาเพื่อนตัวน้อยมาเติมเต็มความสุขในบ้าน วันนี้ Yora Thailand จะพาทุกคนไปทำความรู้จักสายพันธุ์นี้ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำแนวทางการเลี้ยงดู สำหรับว่าที่พ่อ ๆ แม่ๆ ที่กำลังศึกษาข้อมูลกันอยู่ ถ้าพร้อมแล้วไปมาดูกันเลยครับ!
ภาพรวมน้องหมาปักกิ่ง (Pekingese)
น้ำหนักเฉลี่ย | 3-6 กิโลกรัม |
ส่วนสูงเฉลี่ย | 15-23 เซนติเมตร |
อายุขัยเฉลี่ย | 12-15 ปี |
ลักษณะขน | ขนสองชั้น |
สีขน | สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม น้ำตาลแดง ขาว ครีม น้ำตาลแดงปลายขนดำ ดำปนน้ำตาล เทา เทาปลายขนดำ น้ำตาลอ่อนปลายขนดำ |
นิสัย | กล้าหาญ ภักดี รักเจ้าของ รักสงบ |
โรคที่ต้องระวัง |
|
ประวัติของสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
หากพูดถึงต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง เราต้องย้อนกลับไปถึงยุคจีนโบราณเมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว พวกเขาเป็นสุนัขที่ถูกเลี้ยงในราชสำนักจีน โดยเฉพาะในยุคราชวงศ์ถัง ปักกิ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะและอำนาจ เนื่องจากพวกเขาเป็นสุนัขของจักรพรรดิและราชวงศ์ สายพันธุ์นี้มีชื่อเรียกตามเมืองปักกิ่ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน ในอดีต พวกเขาได้รับการปฏิบัติเหมือนสมบัติล้ำค่า และมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด
สุนัขสายพันธุ์ปักกิ่งเริ่มเข้าสู่โลกตะวันตกในช่วงปี ค.ศ. 1860 หลังจากสงครามฝิ่นครั้งที่สอง โดยทหารอังกฤษได้นำสุนัขพันธุ์นี้กลับไปยังยุโรป และกลายเป็นที่รักของพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษและในวงสังคมชั้นสูง จนถึงปัจจุบัน ปักกิ่งยังคงได้รับความนิยมทั่วโลกในฐานะสุนัขพันธุ์เล็กที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์
ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
น้องหมาปักกิ่งมีนิสัยที่เรียกได้ว่ามีเสน่ห์เฉพาะตัว พวกเขาฉลาด มีความมั่นใจในตัวเองสูง และรักเจ้าของมาก ๆ แม้จะมีขนาดเล็ก แต่หมาพันธุ์ปักกิ่งกลับมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาจงรักภักดีต่อเจ้าของอย่างสุดหัวใจ และพร้อมจะปกป้องครอบครัวด้วยความกล้าหาญเกินตัว
และนอกจากความกล้าหาญแล้ว สายพันธุ์นี้ก็มีความดื้อรั้นนิดหน่อย (แบบน่ารักๆ นะ!) ในการฝึกฝนปักกิ่งอาจต้องใช้ความอดทนสักนิด เพราะพวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง ยิ่งกับคนแปลกหน้าก็อาจเรียกได้ว่าถือตัวได้เลย เพราะเขาไว้ใจคนยาก แต่ด้วยความรักและความเข้าใจ พวกเขาจะกลายเป็นสมาชิกครอบครัวที่น่ารักอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือ แม้จะมีนิสัยดื้อรั้นบ้าง แต่น้องหมาปักกิ่งไม่มีพฤติกรรมทำลายข้าวของเหมือนสุนัขบางพันธุ์ ทำให้พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสำหรับการอยู่ในบ้านเอามาก ๆ ครับ
มาตรฐานสายพันธุ์เเละลักษณะทางร่างกายที่ดีสำหรับสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
สุนัขพันธุ์ปักกิ่งมีมาตรฐานสายพันธุ์และลักษณะทางกายภาพที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น เมื่อมองในภาพรวม น้องหมาปักกิ่งควรมีรูปร่างกะทัดรัด แข็งแรง และสมส่วน โดยมีความสูงที่มาตรฐานประมาณ 15-23 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่ควรเกิน 6 กิโลกรัม ซึ่งขนาดนี้ทำให้พวกเขาเหมาะสมกับการเป็นสุนัขอยู่อาศัยในบ้าน
ส่วนหัวของปักกิ่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่สุด กะโหลกควรมีลักษณะกว้างและค่อนข้างแบน ใบหน้าสั้นและมีรอยย่นที่เป็นเอกลักษณ์ จมูกสั้นและกว้าง มีสีดำสนิท ดวงตาควรมีขนาดใหญ่ กลมโต สีดำสนิท มีประกายแวววาว และวางตำแหน่งห่างกันพอสมควร ที่สำคัญคือต้องไม่มีอาการตาปูดหรือเห็นเยื่อตาขาวมากเกินไป ใบหูควรมีขนาดใหญ่พอประมาณ รูปหัวใจ ตั้งอยู่ระดับเดียวกับดวงตาและแนบชิดกับกะโหลก
ในส่วนของลำตัว ปักกิ่งควรมีคอสั้นแต่แข็งแรง อกกว้างและลึก ไหล่วางเอียงลาดลงอย่างสวยงาม ขนเป็นอีกหนึ่งลักษณะเด่นของปักกิ่ง โดยควรมีขนสองชั้น ชั้นในนุ่มและหนา ส่วนขนชั้นนอกยาวตรง หยาบกว่าเล็กน้อย และไม่เป็นคลื่น บริเวณคอและไหล่มีขนยาวคล้ายเคราที่เป็นเอกลักษณ์ สีขนมีได้หลากหลาย ทั้งสีเดียวหรือหลายสี แต่ต้องมีความสม่ำเสมอและชัดเจน โดยสีที่พบบ่อยได้แก่ สี น้ำตาล น้ำตาลแดง ครีม ดำ และขาว
นอกจากลักษณะทางกายภาพแล้ว สุนัขปักกิ่งตามมาตรฐานสายพันธุ์ควรแสดงออกถึงความมั่นใจ สง่างาม และมีความกล้าหาญในบุคลิกภาพ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สืบทอดมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานในฐานะสุนัขราชสำนัก ลักษณะเหล่านี้ทำให้ปักกิ่งเป็นสุนัขที่มีเสน่ห์และเป็นที่หลงใหลของผู้คนมาหลายศตวรรษ
โรคที่ต้องระวังในสุนัขสายพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
น้องหมาปักกิ่งถือเป็นสุนัขที่มีอายุยืนยาวพอสมควร โดยทั่วไปอยู่ได้ถึง 12-15 ปีเลยทีเดียว! แม้จะเป็นสุนัขที่แข็งแรง แต่ด้วยลักษณะพิเศษของสายพันธุ์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพบางอย่างที่เราควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้น้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ซึ่งโรคที่มักพบบ่อยในสุนัขพันธุ์ปักกิ่งได้แก่
ปัญหาทางระบบหายใจ (Brachycephalic Airway Syndrome) เรื่องที่น่ากังวลที่สุดคงหนีไม่พ้นปัญหาการหายใจ เพราะใบหน้าแบนแสนน่ารักของน้องปักกิ่งนั้น แม้จะดูน่าเอ็นดู แต่ก็ทำให้ระบบทางเดินหายใจไม่สมบูรณ์เท่าสุนัขพันธุ์อื่น เนื่องจากโครงสร้างที่ผิดปกติทำให้เกิดกลุ่มอาการทางเดินหายใจในสุนัขหน้าสั้น ส่งผลต่อการหายใจและการระบายความร้อน อีกทั้งอาจนำไปสู่โรคระบบทางเดินหายใจส่วนล่างและระบบทางเดินอาหาร เจ้าของอาจสังเกตได้ว่าน้องหายใจเสียงดัง นอนกรน หรือหอบง่ายเวลาอากาศร้อน การดูแลง่ายๆ คือ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม ไม่พาน้องออกไปเที่ยวหรือให้อยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น และที่สำคัญคือควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนเกินไป เพราะภาวะอ้วนในสุนัขจะทำให้อาการแย่ลง
โรคตาแห้ง (Keratoconjunctivitis sicca or KCS) โรคเยื่อบุตาและกระจกตาอักเสบจากการขาดน้ำตา หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโรคตาแห้ง เกิดขึ้นเมื่อสุนัขผลิตน้ำตาไม่เพียงพอ การขาดการหล่อลื่นทำให้ผิวตาและเปลือกตาด้านในเสียดสีกัน นำไปสู่การอักเสบ และอาจมีเมือกหนาเกิดขึ้นแทนน้ำตาปกติ สุนัขที่เป็นโรคตาแห้งจะมีอาการตาแดง เจ็บตา ทำให้หรี่ตาหรือถูตาบ่อยและเกิดเป็นแผลได้ ซึ่งต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ทันที
โรคจอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy or PRA) โรคจอประสาทตาเสื่อมเป็นกลุ่มโรคที่ทำให้เซลล์รับแสงในจอประสาทตาเสื่อมสลาย ในระยะแรกน้องหมาอาจมีปัญหาการมองเห็นในที่มืด และเมื่อเวลาผ่านไปจะนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ส่วนใหญ่เป็นโรคทางพันธุกรรม และปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่ได้ผล
โรคสะบ้าเคลื่อน (Patellar Luxation) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์เล็ก สุนัขที่มีภาวะสะบ้าเคลื่อน จะมีอาการคือ กระดูกสะบ้าจะเลื่อนออกจากร่องที่ควรอยู่ ทำให้เกิดความไม่สบายตัว เดินกะเผลก ยืดขาได้ไม่เต็มที่ และอาจนำไปสู่โรคข้ออักเสบได้ บางกรณีอาจต้องใช้อาหารเสริมบำรุงข้อหรือยาต้านการอักเสบ ในกรณีที่รุนแรงอาจต้องผ่าตัด
อาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขสายพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
อาหารสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ช่วงอายุ 1-3 เดือน
ในวัยนี้ลูกหมาปักกิ่งอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ร่างกายต้องการสารอาหารสูงมาก โดยเฉพาะโปรตีนคุณภาพดีที่จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก ควรเลือกอาหารลูกสุนัขเกรดพรีเมียมที่ผลิตมาเฉพาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก เพราะเม็ดอาหารจะมีขนาดพอดีกับปากน้อย ๆ ของพวกเขา แนะนำให้แบ่งอาหารเป็น 3-4 มื้อต่อวัน (เช้า สาย บ่าย เย็น) เพื่อให้น้องได้รับสารอาหารสม่ำเสมอและไม่หิวจนเกินไป เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
อาหารสำหรับสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง โตเต็มวัย ช่วงอายุ 1 ปี
พอน้องโตขึ้น การให้อาหารควรจะเปลี่ยนเป็นวันละ 2 มื้อ เช้า-เย็น ในช่วงนี้ต้องระวังเรื่องน้ำหนักเป็นพิเศษ เพราะหมาพันธุ์ปักกิ่งมีแนวโน้มที่จะอ้วนง่าย ควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดี 25-30% มีไขมันพอเหมาะ 15-20% และอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุที่จำเป็น โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดีที่ช่วยเรื่องกระดูกและข้อต่อ ปริมาณอาหารต่อมื้อควรพอดีกับขนาดตัวของน้อง ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป โดยปริมาณแคลอรี่ที่แนะนำสำหรับสุนัขปักกิ่งแต่ละตัวนั้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งขนาดตัว อัตราการเผาผลาญ และรูปแบบกิจกรรมของน้อง ๆ วิธีที่ดีที่สุดในการกำหนดปริมาณอาหารคือการปรึกษาสัตวแพทย์ครับ
อาหารสำหรับสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง สูงวัย อายุ 7 ปี ขึ้นไป
เมื่อสุนัขปักกิ่งเข้าสู่วัยชราแล้ว ระบบย่อยอาหารจะทำงานช้าลง จึงควรเปลี่ยนมาใช้อาหารสูตรสำหรับสุนัขสูงวัยโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีแคลอรี่ต่ำลง แต่ยังคงคุณค่าทางอาหารครบถ้วน พร้อมเสริมสารอาหารพิเศษที่ช่วยบำรุงข้อต่อ เช่น กลูโคซามีน คอนดรอยติน และโอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงสมองและระบบภูมิคุ้มกัน การให้อาหารอาจต้องแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ หลายมื้อ เพื่อให้เจ้าตูบย่อยได้ง่ายขึ้น
วิธีการดูแลสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
การดูแลลูกสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ช่วงอายุ 4-7 เดือน
ช่วงนี้เป็นวัยที่น่ารักและท้าทายที่สุดสำหรับคุณพ่อคุณแม่เลยก็ว่าได้เพราะน้องกำลังอยากรู้อยากเห็น ชอบสำรวจโลกรอบตัว และอาจจะดื้อนิดหน่อย! การฝึกระเบียบวินัยในช่วงนี้สำคัญมาก แต่ต้องทำด้วยความรักและความเข้าใจ เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ เช่น การฝึกขับถ่ายให้เป็นที่ การนั่ง การนอน หรือเรียก เรื่องสำคัญอีกอย่างคือการพาไปฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด โดยเฉพาะวัคซีนพื้นฐานอย่างไข้หัดสุนัข พาร์โวไวรัส และพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ ควรเริ่มฝึกให้น้องคุ้นเคยกับการแปรงขน โดยเริ่มจากการแปรงเบา ๆ วันละ 5-10 นาที พร้อมให้ขนมเป็นรางวัล
การดูแลสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง โตเต็มวัย อายุ 1 ปีขึ้นไป
เมื่อน้องหมาปักกิ่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การดูแลที่แนะนำควรเน้นไปที่การรักษาสุขภาพและความสะอาด โดยเฉพาะเรื่องขนที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ควรแปรงขนทุกวัน วันละ 15-20 นาที ใช้แปรงที่เหมาะสมกับขนสองชั้นของปักกิ่ง เพื่อป้องกันการพันกันเป็นก้อน และช่วยให้ขนสวยเป็นเงางาม
ใบหน้าของน้องปักกิ่งก็ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีรอยพับหลายจุดที่อาจสะสมความชื้นและเชื้อโรค ควรเช็ดทำความสะอาดทุกวันด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น โดยเฉพาะบริเวณจมูก รอบปาก และใต้ตา หลังเช็ดต้องเช็ดให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันการอักเสบ
การออกกำลังกายสำหรับปักกิ่งต้องพอดี ๆ ไม่มากไปน้อยไป เพราะพวกเขามีข้อจำกัดในเรื่องการหายใจ แนะนำให้พาเดินเล่นวันละ 15-20 นาที แบ่งเป็น 2 ครั้ง เช้า-เย็น และควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในช่วงที่อากาศร้อนจัด
ที่สำคัญอย่าลืมพาน้องไปตรวจสุขภาพประจำปีกับสัตวแพทย์ เพื่อตรวจหาปัญหาสุขภาพแต่เนิ่น ๆ รวมถึงการตัดเล็บและทำความสะอาดหูทุก 2-3 สัปดาห์ หูของหมาปักกิ่งมักมีขนขึ้นหนา จึงต้องระวังเรื่องการอักเสบและการติดเชื้อด้วยครับ
ราคาหมาพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese)
เรื่องราคาสุนัขพันธุ์ปักกิ่งในประเทศไทยนั้น มีความหลากหลายพอสมควรเลยครับ ซึ่งราคาก็มักจะสะท้อนถึงคุณภาพและการดูแลตั้งแต่ต้นทาง สำหรับสุนัขปักกิ่งทั่วไปที่มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000-25,000 บาท แต่หากเป็นสุนัขที่มาพร้อมใบรับรองสายพันธุ์ (Pedigree) และประวัติการดูแลสุขภาพที่ดี ราคาอาจอยู่ที่ 35,000-65,000 บาท ในกรณีที่เป็นสุนัขปักกิ่งคุณภาพสูง มาจากสายเลือดดี มีลักษณะโดดเด่นตรงตามมาตรฐาน และมีใบรับรองจากสมาคมที่น่าเชื่อถือ ราคาอาจสูงถึง 80,000-150,000 บาทเลยทีเดียว
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณานอกเหนือจากราคา คือประวัติและความน่าเชื่อถือของฟาร์มผู้เพาะพันธุ์ สุขภาพของลูกสุนัข และค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว ควรหลีกเลี่ยงการเลือกซื้อเพียงเพราะราคาถูก เพราะอาจต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงในตอนหลังได้นะครับ
สำหรับใครที่มองหาแหล่งซื้อตัวน้อง ๆ มาอยู่ ทางเราก็ได้เตรียมลิสต์ฟาร์มสุนัขพันธุ์ปักกิ่งในประเทศไทยมาให้แล้ว มีที่ไหนบ้าง ไปเลือกดูกันได้เลย
3 อันดับฟาร์มหมาพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese) ยอดนิยมในประเทศไทย
น้องหมาปักกิ่งก็เป็นสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว แม้จะต้องการการดูแลเอาใจใส่มากหน่อย แต่ความรักและความจงรักภักดีที่พวกเขามอบให้นั้นคุ้มค่ามากแน่นอนครับ และใครกำลังคิดจะเลี้ยงเจ้าตูบปักกิ่ง ก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดี และเตรียมพร้อมทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลนะครับ เพราะน้อง ๆ ก็ต้องการความรักและการดูแลไม่ต่างเพื่อนคู่กายคนหนึ่งของเรา ที่ควรจะได้รับทั้งความรักและปัจจัย 4 ที่ดีไม่ต่างจากมนุษย์ และสำหรับปัจจัย 4 ที่สำคัญมากอย่างอาหาร เราก็ขอฝาก Yora อาหารสุนัขเกรด Holistic นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ซึ่งทำมาจากโปรตีนแมลง ย่อยง่าย ให้โภชนาการสูง ไว้ด้วยนะครับ
Komentar